ญี่ปุ่นชี้ ไม่มีหลักฐานว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังโจมตีโรงน้ำมันซาอุฯ

© Sputnik / Maxim Blinov

ทาโร โคโนะ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) ว่า เขาไม่เคยเห็นข่าวกรองใด ๆ ที่ระบุว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สปุตนิกสื่อรัสเซียรายงาน

“ เราไม่พบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ชี้ไปยังอิหร่าน” โคโนะกล่าวระหว่างการแถลงข่าว โดยคัดค้านรัฐบาลซาอุดิอาระเบียและทรัมป์ที่กล่าวโทษอิหร่านว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงงานผลิตน้ำมัน ซาอุดิอารามโก เมื่อเร็ว ๆ นี้

“ เราเชื่อว่าฮูซีคือผู้ดำเนินการโจมตี อิงจากคำแถลงอ้างความรับผิดชอบ” โคโนะ กล่าว

โคโนะกล่าวว่า ญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรทั้งอิหร่านและสหรัฐอเมริกายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีซึ่งถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติการโดยโดรน

“ เนื่องจากญี่ปุ่นมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐฯ บนพื้นฐานการเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐอเมริกา – ญี่ปุ่น และความสัมพันธ์บนความไว้วางใจที่ญี่ปุ่นมีกับประเทศต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง ญี่ปุ่นอยู่ในฐานะที่จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ได้ ” โคโนะกล่าว

ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์รัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่นกล่าวว่า ประเทศของเขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในการตอบโต้ทางทหารใด ๆ เนื่องจากมีข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญ และจะดำเนินการทางการทูตเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางแทน

รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส นายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง (Jean-Yves Le Drian) ก็กล่าวในวันอังคาร ว่าเขาไม่พบหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของอิหร่านในการโจมตี

“ ถึงตอนนี้ฝรั่งเศสยังไม่มีหลักฐานที่อนุญาตให้พูดได้ว่าโดรนเหล่านี้มาจากสถานที่หนึ่งสถานที่ใด และผมไม่รู้ว่ามีใครพิสูจน์ได้หรือไม่” ฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าว “เราจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการลดระดับความขัดแย้งในพื้นที่นี้ และการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ขัดแย้งกับการลดระดับนี้จะเป็นย่างก้าวที่ไม่ดีสำหรับสถานการณ์ในภูมิภาค”

ในช่วงสุดสัปดาห์ “ซาอุดิ อารามโก”  ต้องปิดโรงงานสองแห่งหลังจากถูกยิงด้วยโดรนและถูกไฟไหม้ เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การลดกำลังการผลิตน้ำมันรวม 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตน้ำมันรายวันของซาอุดิอาระเบีย การปิดโรงงานผลิตน้ำมันทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น 

เมื่อวันพุธกระทรวงกลาโหมซาอุดิอาระเบียจัดแถลงข่าว โดยระบุว่าอาวุธที่ใช้โจมตีเป็น ขีปนาวุธล่องของอิหร่าน และเครื่องบินไร้คนขับ (UAV) Delta Wing และกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านอย่างไม่มีข้อสงสัย

ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ทรัมป์ยังกล่าวในระหว่างการพบปะกับมกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า จากหลักฐานที่เขาได้เห็นดูเหมือนว่าอิหร่านจะเป็นผู้รับผิดชอบในการโจมตีนี้