จู่ๆก็มีคนเหวี่ยงของเสียมาใส่ ทั้งที่จ่ายเงินให้ไปถึงกว่าสองพันล้านบาท ตามมาตรฐานและกฎเกณฑ์ของการค้าขายยางพารา คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วละครับ
ขณะที่เรื่องราคายางตกต่ำกำลังเป็นข่าวใหญ่โตมาเป็นเดือนๆ ทั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยุคที่แล้วมาจนถึงรัฐบาลทหารของพลเอกประยุทธ ต่างปวดเศียรเวียนเกล้ากับสถานการณ์นี้
ผมหมายถึง บริษัท รับเบอร์แลนด์ โปรดักส์ จำกัด ในเครือบริษัทศรีตรัง แอโกร อินดัสทรี ซึ่งทำธุรกิจเรื่องยางอยู่เงียบๆมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มากว่า 20ปี และเป็นบริษัทซื้อขายยางพาราที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยและในโลกอีกด้วย
วันดีคืนดีเมื่อต้นปี 2556 ที่ผ่านมา มีเอกชนที่อ้างว่าเป็นคนรากหญ้ามาติดต่อใช้รหัสขายยางให้กับบริษัทรับเบอร์แลนด์ฯ ที่ตั้งอยู่ที่เมืองมุกดาหาร นครพนม ระดมยางพาราจากชาวบ้านในแถบนั้น รวมไปถึงพื้นที่ปลูกแถวบึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี รวมแล้วสูงถึงเกือบ 30 ล้านกิโลกรัม นายหน้าผู้นี้อ้างว่า บริษัทฯจะให้ราคารับซื้อยางที่สูงกว่าราคาตลาดทั่วไปถึงกิโลกรัมละ 6-10 บาท
ใครมันจะไม่แห่กันไปขายให้ละ ในเมื่อตัวเลขงดงามขนาดนั้น ชาวบ้านชาวสวนยางยิ่งจะชื่นชอบ แต่นั่นเป็นสิ่งที่บริษัทรับซื้ออย่างรับเบอร์แลนด์ฯไม่มีโอกาสรู้เลยแม้แต่น้อย ว่าการโปรโมตในพื้นที่เรื่องราคาของนายหน้าขายยางรายนี้จะสร้างความเสียหายได้มากเพียงใดในเวลาต่อมา จนกระทั่งความเป็นจริงปรากฏขึ้นว่า เงินที่ชาวบ้านควรได้จากการขายยางนั้นขาดหายไปไม่ได้รับมีถึง 400 ล้านบาท
แสดงว่า เงินที่บริษัทฯจ่ายไปกว่า 1,200 ล้านบาทตามราคาขึ้นลงของตลาดในขณะนั้นซึ่งก็เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา ตามมาตรฐานราคายาง ไม่ใช่ราคาโปรโมตที่สูงกว่าราคาตลาดของนายหน้ากิโลกรัมละ 6-10 บาทแต่อย่างใด เงิน 400 ล้านบาทคือส่วนต่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
นายหน้าคนรวบรวมยางชาวบ้านมาขาย ยังอ้างว่า เป็นนโยบายบริษัทฯที่จะรับซื้อยางในราคานั้น พูดเหมือนบริษัทฯหรือคนในบริษัทฯมีส่วนร่วมรู้เห็นอยู่ด้วยยังงั้นแหละ คนในวงการยางหรือคนในวงการอื่นๆ ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใจเช่นนั้น
แต่ทั้งหมดนั้นกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เพราะไม่มีหลักฐานใดๆที่บริษัทฯจะใช้นโยบายแหวกแนวแหกคอกไปจากราคาตลาดโลกสูงถึงเพียงนั้น ทั้งหมดจึงเป็นคดีความผิดอย่างชัดเจนของนายหน้าที่หลอกให้ชาวบ้านระดมยางพารามากองรวมที่ตัวเอง ด้วยข้ออ้างเรื่องราคาที่สร้างขึ้นเองอีกต่างหาก
นายหน้าผู้นี้อาจจะมีเบื้องหลังอื่นๆอีกมากมาย เพราะมีเงินผ่านบัญชีมากนับพันล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้เคยประกอบธุรกิจระดับนั้นมาก่อนเลย ปัจจุบัน นายหน้าถูกควบคุมตัวด้วยข้อหาฉ้อโกงอยู่ที่อำนาจเจริญ พร้อมกับหมายจับของชาวสวนยางและสหกรณ์ต่างๆอีกกว่า 50 คดี
ข่าวลับๆแจ้งมาว่า นายหน้าและนอมินี(ของผู้มีอิทธิพล)คนนี้ได้รับการประกันตัวเรียบร้อยแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อแล้วละ(ฮา)
คดีโกงยางอาจจะยังไม่จบง่ายๆ เพราะแม้ราคายางในบ้านเรายังผันผวน มีแต่ขาลง แต่ชาวสวนก็ยังต้องขายยาง การหลอกลวงต้มตุ๋นมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก
ล่าสุด รัฐบาลพลเอกประยุทธ ก็พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าราคายางอยู่อย่างขะมักเขม้น เริ่มจากการควักงบประมาณมาอีกก้อนประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท
แบ่งเป็นการช่วยชาวสวนยางโดยตรงไร่ละ 2,250 บาท ปล่อยสินเชื่อ 15,000 ล้านบาทให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ฯเพื่อรับซื้อยางและทำการแปรรูป ให้ธนาคารออมสินไปอีกก้อนปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูป และจัดเงินกู้ให้สถาบันเกษตรกรในการรับซื้อยาง สุดท้ายที่เป็นนโยบายระยะยาวก็คือการลดพื้นที่การปลูกยางลงให้ได้ 250,000 ไร่
คุณกิตติชัย สินเจริญกุล กรรมการบริหารบริษัทศรีตรัง แอโกร อินดัสทรี ซึ่งถือเป็นบริษัทคนกลางในการรับซื้อยางไปจำหน่ายในตลาดโลก ก็ยังต้องยอมรับว่า ตลาดยางพารายังคงต้องให้รัฐบาลเป็นผู้แก้ไขโครงสร้างทั้งหมด แนวทางที่รัฐบาลประยุทธเพิ่งจะประกาศออกมานั้นถือว่า มีแนวทางชัดเจน ถ้าสามารถทำได้ตามนั้น ก็จะช่วยให้ชาวสวนยางทั่วประเทศฟื้นขึ้นมาได้ทั้งเรื่องเฉพาะหน้าและระยะยาว
“ที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่สุด เป็นอันดับ 1 ของโลก สำหรับบริษัทศรีตรังฯเองถึงจะมีสัดส่วนการจำหน่ายยางถึง 9% ของตลาดโลก แต่เราก็ยังต้องฟังสุ้มเสียงของผู้รับซื้อหลักที่แท้จริง คืออุตสาหกรรมยางล้อรถ นี่คือผู้ใช้ยางส่วนใหญ่ที่แท้จริงในโลก ซึ่งพวกเขาก็ต้องต่อรองราคาให้ได้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ บางคนอาจจะคิดว่าเรามากดราคายางพารากันเองในประเทศ ซึ่งมันไม่จริง เราอยากให้ชาวสวนได้ราคาที่ดี เราเป็นคนทำธุรกิจก็ต้องเอื้อกันตามสภาพ มันเป็นเช่นนี้มานานเกือบ 30ปีแล้วครับ”
ค้าขายยางพาราเงียบๆ ไม่หวือหวา ฟู่ฟ่า โปร่งใส มีธรรมาภิบาลแบบศรีตรังฯ จนเป็นอันดับ 1 ของโลก ยอดขายปีหนึ่งหลายหมื่นล้านบาท ท่ามกลางความผันผวนของราคายาง แล้วก็ยังต้องมาเหนื่อยกับเรื่องที่บางคนคิดว่าจะตุกติกชาวสวนยางอีกหรือนี่
ให้ตายเถอะ-โรบิน!