เพรสทีวี – ปธน.ตุรกี “เรเยพ ตอยยิบ แอร์โดกัน” กล่าวว่า ตุรกีจะไม่ถอยจากการโจมตีผู้ก่อการร้ายชาวเคิร์ดในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย โดยไม่ยี่หระว่า “ใครจะพูดอะไร”
แอร์โดกันแสดงจุดยืนดังกล่าวในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมทางธุรกิจที่กรุงบากู เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน เมื่อวันจันทร์ (14 ต.ค.) ที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินต่อไปจนกระทั่งบรรลุ “ชัยชนะขั้นสูงสุด”
“เรามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติการต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุด โดยไม่ใส่ใจกับการคุกคามใดๆ เราจะเสร็จงานที่เราเริ่มต้นอย่างแน่นอน การต่อสู้ของเราจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะบรรลุชัยชนะขั้นสูงสุด”
แอร์โดกันยังฉะสหภาพยุโรปและสันนิบาตอาหรับที่วิจารณ์ปฏิบัติการทางทหารของตุรกี และเรียกร้องให้กองทุนระหว่างประเทศหนุนแผน “พื้นที่ปลอดภัย” (safe zone) ของอังการาในเขตตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย
กองกำลังทหารตุรกีและกองกำลังติดอาวุธที่เรียกว่า “ฟรีซีเรียอาร์มี” (Free Syrian Army – FSA) ซึ่งอังการาให้การอุปถัมภ์ เปิดปฏิบัติการรุกข้ามพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ในความพยายามที่จะกำจัดกองกำลังชาวเคิร์ด “หน่วยคุ้มครองประชาชน” (People’s Protection Units – YPG) และผลักพวกเขาออกจากพื้นที่ชายแดน
YPG ถือเป็นกองกำลังหลักของกองกำลังประชาธิปไตยแห่งซีเรีย (Syrian Democratic Forces – SDF) ซึ่งเป็นพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลซีเรียของกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด
YPG ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ถูกอังการาขึ้นบัญชีในฐานะองค์กรก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน(PKK) ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกดินแดนด้วยการใช้อาวุธในตุรกีตั้งแต่ปี 1984
วอชิงตันได้ให้การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ YPG และ SDF อย่างยาวนาน โดยเรียกพวกเขาว่าเป็นพันธมิตรสำคัญในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย อย่างไรก็ตามผู้สังเกตการณ์หลายคนเห็นว่าการสนับสนุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเภทุบายโดยสหรัฐฯ ในการบั่นทอนซีเรียมิให้ตั้งหลักได้
จากการบุกของตุรกีครั้งนี้ ล่าสุดในวันจันทร์ (14 ต.ค.) นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวในแถลงการณ์ว่า ได้ทำให้พลเรือนอย่างน้อย 160,000 คนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นแล้ว