เมื่อเคิร์ดถูกสหรัฐฯ ลอยแพ ชัยชนะจึงตกเป็นของรัฐบาลซีเรียอีกคำรบ

ชาวบ้านออกมาต้อนรับทหารซีเรียหลังจากพวกเขาเข้าไปในเมืองทาลทาร์ม (Tal Tamr) ทางเหนือในวันจันทร์ที่ 14 ต.ค. 2019 (SANA via AP)

เคิร์ดซีเรียหลีกเลี่ยงรัฐบาลซีเรียที่มีพันธมิตรอย่างรัสเซียและอิหร่าน แต่ที่สุดเมื่อพวกเขาถูกสหรัฐฯ ขายทิ้งโดยการถอนทหารออกไป และต้องเผชิญหน้ากับการโหมกระหน่ำโจมตีของตุรกีอย่างโดดเดี่ยว พวกเขาจึงจำต้องหันไปจับมือกับรัฐบาล “บาชาร์ อัล-อัสซาด”

ในวันจันทร์ 14 ต.ค. 2019 กองทหารของซีเรียได้เข้าสู่พื้นที่ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขามาเป็นเวลาหลายปี หลังจากการทำข้อตกลงระหว่างกองกำลังเคิร์ดและรัฐบาลซีเรีย เพื่อเผชิญหน้ากับปฏิบัติการทางทหารของตุรกี อันนำมาซึ่งการเปลี่ยนขั้วพันธมิตรในซีเรีย

ข้อตกลงดังกล่าวได้เปลี่ยนชาวเคิร์ดซึ่งในอดีตเคยเป็นหุ้นส่วนสำคัญของสหรัฐอเมริกาในการต่อสู้กับรัฐอิสลาม (ไอซิส) ให้ไปใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับรัสเซียและอิหร่าน ขณะที่สหรัฐฯ เริ่มถอนกองกำลังออกจากพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย

กองกำลังทหารซีเรียได้เคลื่อนพลเข้ามาอยู่ในเมืองตามแนวชายแดนด้านเหนือติดกับตุรกีและในเมืองรักกาห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าโดยพฤตินัยของกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอซิส) 

เมื่อไม่นานมานี้นักรบชาวเคิร์ดที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ หลายพันคนได้ฝึกฝนที่ฐานทัพอเมริกันในเมืองอิน อิสซา (Ain Eissa) แต่หลังจากที่ทหารซีเรียมาถึงในเช้าวันจันทร์ ในใจกลางเมืองของชาวเคิร์ดก็ถูกชักธงสามสีของประเทศซีเรีย

ท่าทีซึ่งเปลี่ยนแปลงของกองกำลังเคิร์ดภายใต้การบุกโจมตีของตุรกี ทำให้พันธมิตรของสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับไอซิสเข้ามาอยู่ในร่มเงาเดียวกันกับรัสเซียและอิหร่าน 

ขณะเดียวกันการรุกรานของตุรกีก็นำมาซึ่งร่องรอยแตกร้าวระหว่างสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้)

ประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ออกมาตรการลงโทษตุรกี ทั้งเรียกร้องให้หยุดคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค ขณะที่สมาชิกสหภาพยุโรปก็ออกมาระบุว่า พวกเขาจะหยุดการขายอาวุธให้กับตุรกี

การถอนกำลังทหารของสหรัฐฯ ออกจากซีเรียที่เริ่มขึ้นก่อนการบุกข้ามพรมแดนของตุรกีไปยังซีเรีย ทำให้กองกำลังชาวเคิร์ดที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ต้องโดดเดี่ยว “กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย” หรือ SDF ที่นำโดยเคิร์ดจึงได้หันไปทำข้อตกลงกับรัฐบาลซีเรีย 

ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนข้างผู้สนับสนุนด้านการทหารจากสหรัฐฯ ไปเป็นอีกขั้วที่อยู่ตรงกันข้าม!

กองทัพ SDF ที่สหรัฐฯใช้จ่ายเงินไปหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการฝึกอบรมทางทหาร สนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์และเงินทุน จะกลายเป็น “ส่วนหนึ่งของกองทัพซีเรีย” ตามที่ “ซีนาม โมฮัมหมัด” (Sinam Mohamad) ฝ่ายการเมืองของ SDF กล่าว

การถอนตัวของสหรัฐฯ และข้อตกลงกับเคิร์ดช่วยให้ประธานาธิบดี “บาชาร์ อัลอัสซาด” ของซีเรีย ขยายการควบคุมไปสู่ดินแดนที่กลุ่มพันธมิตรของสหรัฐได้ยึดครองจากไอซิส และรัฐบาลซีเรียไม่เคยมีอำนาจในดินแดนเหล่านี้มาหลายปีแล้ว!

ส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างเคิร์ดกับอัสซาด ทหารซีเรียจะเข้าประจำการตามแนวชายแดนและเมืองทางตอนเหนือเพื่อป้องกันการโจมตีที่นำโดยตุรกีไม่ให้ขยายไปทั่วซีเรียตอนเหนือ

SDF ยังระบุด้วยว่า กองทัพซีเรียจะช่วยยึดคืนพื้นที่ของชาวเคิร์ดจากการยึดครองของตุรกีและพันธมิตรในซีเรีย  

ขณะที่กองทหารซีเรียเคลื่อนกำลังเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเคิร์ด สื่อของรัฐซีเรียรายงานว่าหน่วยทหารได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองด้วยความยินดี และธงประจำชาติของซีเรียได้ถูกยกขึ้นเหนืออาคารรัฐบาลหลายแห่ง

กองทหารของซีเรียเข้าไปในเมือง Ain Eissa ในวันจันทร์ 14 ต.ค. 2019 หลังจากการทำข้อตกลงกับกองกำลังเคิร์ด (PHOTO: SANA/ASSOCIATED PRESS)

หลังจากความขัดแย้งมานานกว่าแปดปี รัฐบาลของซีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและอิหร่านกำลังจะกลับมาควบคุมเกือบทุกพื้นที่ของประเทศที่ถูกฉีกทึ้งแห่งนี้

อันที่จริง ฝ่ายการเมืองของเคิร์ดได้เริ่มพูดคุยกับรัฐบาลอัสซาด ตั้งแต่ครั้งเมื่อทรัมป์ประกาศในเดือนเมษายน ปี 2018 ว่าเขาจะถอนกำลังทหารออกจากซีเรีย  แต่การเจรจาดังกล่าวไม่บรรลุผล หลังจากสหรัฐฯเปลี่ยนการตัดสินใจ และรัฐบาลของอัสซาดระบุว่าไม่สนใจข้อตกลงการแบ่งปันอำนาจใดๆ กับเคิร์ดซีเรีย

สิ่งนี้เปลี่ยนไปเมื่อวันพุธ ที่ 9 ต.ค. 2019 หลังจากที่ตุรกีเปิดการโจมตีในสองเมืองชายแดนซีเรียด้วยการโจมตีทางอากาศและกองกำลังนักรบชาวอาหรับซีเรียที่ตุรกีหนุนหลัง ตุรกีรุกเร็วและลึกเข้าไปในซีเรียตอนเหนือมากกว่าที่คาดไว้

นักรบชาวเคิร์ดจึงถูกบังคับให้บรรลุข้อตกลงที่เร่งรีบกับรัฐบาลอัสซาดโดยแทบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งรัสเซียมีบทบาทเป็นสื่อกลางในการเจรจานี้

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เห็นชัดเจนว่าเป็นอีกคำรบที่ระบอบการปกครองของซีเรียพลิกกลับมาได้เปรียบ หลังจากเคยได้รับชัยชนะอย่างใหญ่หลวงหลังจากสงครามกลางเมืองกับกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลเป็นเวลาแปดปี.