ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (12 ม.ค.)ที่ผ่านมาว่า เขาไม่สนใจว่าอิหร่านจะตกลงเจรจากับสหรัฐฯหรือไม่
“ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติแนะนำในวันนี้ว่า การคว่ำบาตรและการประท้วงจะทำให้อิหร่าน “สำลัก” ซึ่งจะบีบบังคับให้พวกเขาเจรจาต่อรอง อันที่จริงแล้ว ผมไม่สนเลยว่าพวกเขาจะเจรจาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพวกเขาโดยสิ้นเชิง แต่อย่ามีอาวุธนิวเคลียร์ และ “อย่าฆ่าผู้ประท้วง” ทรัมป์ทวีต
National Security Adviser suggested today that sanctions & protests have Iran “choked off”, will force them to negotiate. Actually, I couldn’t care less if they negotiate. Will be totally up to them but, no nuclear weapons and “don’t kill your protesters.”
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) January 12, 2020
ก่อนหน้านี้ โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวกล่าวว่า มาตรการ “แรงกดดันสูงสุด” ในการคว่ำบาตรอิหร่านนั้นมีประสิทธิภาพเพียงพอและในที่สุดก็จะกดดันให้เตหะรานต้องเจรจา
“ ผมคิดว่าแคมเปญแรงกดดันสูงสุดกำลังทำงาน อิหร่านกำลังสำลัก และอิหร่านจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาที่โต๊ะเจรจา” โอไบรอันบอกฟ็อกซ์นิวส์ในวันอาทิตย์ (12 ม.ค.)
หลังจากอิหร่านทำการโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “การแก้แค้น” สำหรับนายพลสุไลมานีที่ถูกลอบสังหาร ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะไม่ยอมให้ชาตินี้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่าเขายังคงพร้อมที่จะสร้างสันติภาพกับอิหร่านโดยมีเงื่อนไขว่าต้อง “เปลี่ยนพฤติกรรม”
ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวออกจากแผนปฏิบัติการร่วมที่ครอบคลุม (JCPOA) หรือที่รู้จักในชื่อ ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยเริ่มต้นการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับเตหะรานรอบใหม่