สปุตนิก- สหรัฐฯ กำลังดำเนินการส่งมอบระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศไปยังอิรักหลังจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน แต่ต้องให้รัฐบาลอิรัก “อนุญาต” รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ มาร์ก สเปนเซอร์ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.)
ด้านพล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานเสนาธิการร่วม ยืนยันว่าสหรัฐฯ “กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลอิรัก” ในประเด็นนี้
ในเช้าวันที่ 8 มกราคม อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก ทั้งฐานทัพอากาศในเมืองเออร์บิล ทางตอนเหนือของประเทศ และฐานทัพอากาศเอนอัลอะซัด ทางตะวันตกของแบกแดด เพื่อแก้แค้นให้นายพลอิหร่านที่ถูกสหรัฐลอบสังหาร
มีรายงานว่าอิหร่านได้ให้การเตือนล่วงหน้าแก่อิรัก ซึ่งสันนิษฐานว่าได้เตือนต่อไปยังกองกำลังสหรัฐที่ประจำการในประเทศ ทำให้พวกเขาสามารถหลบภัยในบังเกอร์ที่เตรียมไว้ได้ แม้ว่าการโจมตีนี้จะไม่ได้คร่าชีวิตทหารสหรัฐ แต่ก็ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงกต่อโครงสร้างพื้นฐานฐานทัพ
กองทัพสหรัฐกล่าวในภายหลังว่าไม่มีระบบการป้องกันทางอากาศที่ฐานทัพทั้งสองแห่ง
รัฐสภาของอิรักโหวตขับไล่ทหารสหรัฐประมาณ 5,000 นายที่ประจำการในอิรักหลังการสังหาร นาพลสุไลมานี แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ออกมาย้ำหลายครั้งว่าจะไม่ถอนทหาร ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้อิรักจ่ายเงินคืนให้สหรัฐ สำรหับมูลค่าฐานทัพอากาศหลายพันล้านดอลลาร์หากจะให้สหรัฐออกไปและคุกคามประเทศอิรักด้วยการคว่ำบาตรอย่างรุนแรง ที่เปรียบเทียบว่าจะทำให้การคว่บาตรต่ออิหร่าน “ดูเล็กกระจ้อยร่อย” ไปเลย