ซาอุฯ ซัด พฤติกรรมอิหร่าน “ไร้ความรับผิดชอบ” ทำโควิด-19 แพร่กระจายทั่วโลก

ผู้คนสวมหน้ากากและถุงมือระหว่างออกมาจับจ่ายใช้สอยทางตอนเหนือของกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน (AP)

ในวันพฤหัสบดี (5 มี.ค.) ซาอุดิอาระเบียออกมากล่าวว่า อิหร่านมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการเพิ่มจำนวนของผู้ป่วยโควิด-19 และกระจายการระบาดไปทั่วโลก อาหรับนิวส์รายงาน

เจ้าหน้าที่ซาอุฯ กล่าวหาอิหร่านว่า “กระทำการอย่างไร้ความรับผิดชอบ” จากการอนุญาตให้ประชาชนชาวซาอุดิอาระเบียเข้าประเทศโดยไม่ต้องประทับตราเข้าออกในหนังสือเดินทางของตนระหว่างการระบาดของโควิด-19

มีผู้ติดเชื้อห้าคนแล้วในซาอุฯ โดยสามรายได้กลับมาจากอิหร่านผ่านทางบาห์เรน ในขณะรายที่สี่กลับมาผ่านคูเวตและกระจายการติดเชื้อไปยังภรรยาของเขา

“ การกระทำเหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความรับผิดชอบโดยตรงของอิหร่านในการเพิ่มการติดเชื้อโควิด-19 และการระบาดของไวรัสทั่วโลก” แหล่งข่าวจากทางการของซาอุดิอาระเบียกล่าว “พฤติกรรมทำนองนี้ก่อให้เกิดภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่ร้ายแรงต่อชุมชนระหว่างประเทศ และบ่อนทำลายความพยายามระดับนานาชาติในการต่อสู้กับโควิด-19 ทำให้ชุมชนหลายแห่งทั่วโลกตกอยู่ในความเสี่ยง”

ทางการซาอุฯ เรียกร้องให้ประชาชนชาวซาอุดิอาระเบียทุกคนที่เดินทางกลับจากอิหร่านในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาติดต่อกระทรวงสาธารณสุขทันที

พลเมืองที่อยู่ในอิหร่านควรรายงานการเดินทางไปอิหร่านทันทีเมื่อกลับมาถึงราชอาณาจักรซาอุฯ

หากพวกเขารายงานการเดินทางไปอิหร่านภายใน 48 ชั่วโมงพวกเขาจะไม่ถูกควบคุมภายใต้กฎหมาย “เอกสารการเดินทาง” (Travel Documents Law) เจ้าหน้าที่ซาอุฯ กล่าว

“ ราชอาณาจักรกระตือรือร้นที่จะรับรองความปลอดภัยของประชาชนทุกคนที่ได้เดินทางเยือนอิหร่านโดยให้โอกาสพวกเขา และละเว้นการดำเนินการทางกฎหมายกับพวกเขา” เจ้าหน้าที่กล่าว “ นอกจากนี้ราชอาณาจักรยังมุ่งมั่นที่จะปกป้องครอบครัวของผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่ที่มีการระบาดของโควิด-19”

ประชาชนไม่ควรเดินทางไปอิหร่านไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม แถลงการณ์กล่าวเสริมและว่า พวกเขาจะต้องเผชิญกับการดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างร้ายแรงหากพวกเขาทำเช่นนั้นในอนาคต

ซาอุฯ เรียกร้องให้ทางการอิหร่าน เปิดเผยตัวตนของคนชาติซาอุฯ ที่เคยไปเยือนอิหร่านอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา

เขาเสริมว่าทางการอิหร่านจะต้องรับผิดชอบทุกประการต่อชาวซาอุดิอาระเบียทุกคนที่ไม่ได้รายงานการเดินทางและติดเชื้อในระหว่างที่พวกเขาอยู่ในอิหร่าน