จุฬาราชมนตรีสั่งระงับละหมาดที่มัสยิดทั่วประเทศ ป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19

สำนักจุฬาราชมนตรีออกประกาศ สั่งมุสลิมระงับละหมาดที่มัสยิดทั่วประเทศ ป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น

นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีออกคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศประกาศให้ทุกมัสยิดในสังกัด ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด1-19 

ตามประกาศสำนักจุฬาราชมนตรีฉบับที่ 3/2563 วันที่ 25 มี.ค.2563 ลงนามโดยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ระบุว่า ให้งดละหมาดญะมาอะห์ (ละหมาดร่วม) และการละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์) ที่มัสยิดเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2563 นี้ เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การระบาดจะมีสภาวการณ์ที่ดีขึ้น

นอกจากนั้นจุฬาราชมนตรียังสั่งให้กลุ่มญะมาอะห์ตับลีฆ (ดะห์วะห์) งดกิจกรรมทุกประเภท ทั้งในและต่างประเทศ 

ประกาศนี้ยังให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติกรณีมีมุสลิมเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ด้วย

จุฬาราชมนตรี อธิบายเหตุผลทางศาสนาในประกาศนี้ด้วยว่า ด้วยปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีจำนวนจำกัด ในสภาวการณ์เช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อประชาชนทั่วไป หรือผู้ที่มีความอ่อนไหวต่อเชื้อไวรัส เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว

อาศัยบทบัญญัติในคัมภีร์อัลกุรอาน ความว่า “สูเจ้าอย่าได้นำตัวเองสู่ความวิบัติ” ซึ่งมีนัยชี้ชัดว่า ห้ามกระทำการใดๆ ที่เป็นการฆ่าตัวตาย การทำร้ายตนเอง และการนำพาตนเองไปสู่ความเสียหาย ความสูญเสียหรือการเสียชีวิต จะด้วยวิธีการหรือการกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม

และอาศัยความจากวจนะของศาสนทูต ที่ว่า “ ไม่มีการประทุษร้ายต่อตนเองและต่อผู้อื่น” จึงมีนัยชี้ชัด ว่าบุคคลจะไม่ประทุษร้ายต่อตนเองและจะไม่ประทุษร้ายหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ไม่ว่าด้วยวิธีการหรือการกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม