มัสยิดในกระแสชีวิตวิถีใหม่​ New​ Normal

มัสยิดบ้านเหนือ จ.สงขลา
มัสยิดบ้านเหนือ จ.สงขลา

โรคาพยาธิอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่เพิ่งถูกสร้าง​ และยังมีการค้นพบว่าใต้ธารน้ำแข็งขั้วโลก​ที่ละลายไป มีไวรัสอยู่มากมายที่มีอายุถึงสามหมื่นปีและพร้อมจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อบรรยากาศเป็นใจ​

มนุษย์จะถือตัวว่าเก่งกาจยังไงจึงย่อมหนีไม่พ้นความตาย​ ไม่ตายด้วยไวรัสก็ต้องตายด้วยเหตุอื่นอยู่ดี ตายแล้วก็รอวันฟื้นคืนอีกครั้ง​ เหมือนที่ไวรัสมันเป็นของมันนั่นแหละ​ เพราะนี่คือวิถีที่องค์พระผู้ทรงสร้างไวรัสและสรรพชีวิตทั้งมวลได้ทรงกำหนดไว้แล้ว​ และไม่มีอะไรมาทดแทนวิถีแห่งพระองค์ได้

แน่นอน​ เราต้องไม่วิ่งเข้าหาความตาย​ แต่จะต้องประคองชีวิตให้อยู่รอดเท่าที่สามารถ​ เราจึงต้องป้องกันตนเองจากโรคภัยต่าง​ ๆ​ ตามกำลังความรู้ที่มี​ ศาสดาของเราจึงบอกว่าถ้าเกิดโรคระบาดที่ใด​ ก็อย่าเข้าไปที่นั่น​ และคนในพื้นที่ระบาดของโรคก็อย่าหนีโรคไปที่อื่น

อย่างไรก็ตาม​ โรคระบาดไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน​ มันเป็นอุบัติการณ์ที่ถูกกำหนดให้เกิดด้วยพระราชประสงค์แห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าในระยะเวลาหนึ่ง​ แล้วพระองค์ก็จะทรงบันดาลให้มนุษย์ได้ค้นพบวิธีที่จะเอาชนะมันได้ในที่สุด​ ตามวจนะศาสดาที่บอกว่า​ เมื่อทรงให้เกิดโรคใดมา​ ก็ทรงประทานยามาด้วยเช่นกัน

วิธีการป้องกันรักษาโรคหนึ่ง​ ๆ​ จึงไม่ควรกลายเป็นวิถีชีวิตปกติของผู้คนอยู่ชั่วนาตาปี​ แต่ผู้มีอำนาจต้องนำคนสู่ชีวิตปกติโดยเร็ว​ พอ​ ๆ​ กับที่ต้องหาทางป้องกันรักษาและค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับไวรัสอย่างต่อเนื่องจริงจัง​ ยกเว้นผู้มีอำนาจนั้นมีวาระซ่อนเร้นอย่างอื่น​ เช่น​ ต้องการควบคุมวิถีชีวิตผู้คนให้อยู่ในกรอบที่ตนกำหนด​ ต้องการรวบอำนาจและไม่ต้องการเห็นการรวมตัวทางเมือง​ของประชาชน​ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็อาจสร้างวาทกรรมโรคระบาดให้ยาวนานต่อไปเพื่อข่มขู่และเป็นเครื่องมือทางการเมืองของตนได้

ช่วงที่มีการระบาดของโรครุนแรง​ สิ่งที่เกิดกับมุสลิมคือความห่างเหินระหว่างคนกับมัสยิด​ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามหลักศาสนาว่าด้วยความจำเป็นในการปกป้องชีวิตจากภยันตรายต่าง​ ๆ​ แม้การที่มุสลิมคน​หนึ่งทำตัวห่างเหินกับมัสยิดจะเป็นสิ่งต้องห้าม​ แต่ในสถานการณ์คับขันอันตราย​ อิสลามจะอนุญาตให้กระทำการบางอย่างที่ถือว่าต้องห้ามได้​ ทั้งนี้เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้นั่นเอง​ แต่การใช้ข้ออนุโลมดังกล่าวมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอยู่สองประการ​ ดังปรากฎในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานว่า​ (อัลบะกอรอฮ​ 2:173)
فمن اضطر غير باغ ولا عاد فلا إثم عليه
“ผู้ใดเผชิญความคับขันอันตราย​ ก็อนุญาตให้บริโภคของต้องห้ามได้​ โดยไม่ถือว่าบาป​ แต่ต้องมิใช่เจตนาที่จะแสวงหาสิ่งนั้น​ และต้องไม่บริโภคเกินความจำเป็นในการประทังชีวิต”

ข้อคำนึงสองประการในโองการนี้คือ​
1. ไม่ใช่การแสวงหาของต้องห้ามโดยเจตนา
2. ไม่ใช้ข้อผ่อนผันจนเกินความจำเป็น

การอิบาดัตของมุสลิมที่ต้องแยกกันทำในเวลานี้จนก่อเกิดความห่างเหินระหว่างคนกับมัสยิด​ เป็นข้อผ่อนผันในสถานการณ์จำเป็นซึ่งต้องอยู่ในกรอบของข้อคำนึงทั้งสองประการข้างต้น​ กล่าวคือ

1. ไม่ใช่เกิดจากเจตนาที่ต้องการแยกคนออกจากมัสยิด​หรือเจตนาที่ไม่ต้องการให้เกิดการรวมตัวของผู้คน​ ซึ่งผู้นำหรือองค์กรศาสนาคงไม่มีใครเจตนาเช่นนั้น​ แต่ต้องพึงระวังการล้อไปกับข้อกำหนดของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ที่มีเจตนาชัดเจนมาตั้งแต่ตอนไม่เกิดโรคระบาดว่าไม่ต้องการเห็นการรวมตัวหรือชุมนุมของประชาชน​ จึงอาจยืดเวลาการห้ามต่าง​ ๆ​ ออกไปโดยไม่จำเป็น​ ทั้ง​ ๆ​ ที่การระบาดของโรคทุเลาเบาบางไปมากแล้ว
หากองค์กรศาสนาไม่พิจารณาตัวบทให้แน่ชัด​ แต่ล้อตามฝ่ายการเมืองอย่างเดียว​ อาจกลายเป็นเหยื่อทางการเมืองและใช้ข้อผ่อนผันผิดบทบัญญัติได้

2. ไม่ใช้ข้อผ่อนผันจนเกินความจำเป็น
แต่การเข้มงวดหรือผอนคลายต้องเป็นไปตามสถานการณ์จริง​ ในแง่การบริโภค​ หากกินของต้องห้ามเข้าไปจนพออยู่ได้แล้วก็ต้องหยุด​แค่นั้น​ ขืนกินต่อก็ถือว่าผิดเพราะเป็นการสนองตัณหามากกว่าการรักษาชีวิต
การห้ามคนไปมัสยิดเพื่อละหมาดก็เช่นกัน​ หากสถานการณ์โรคทุเลาลง​ การผ่อนปรนให้ไปมัสยิดได้ก็ต้องเกิดขึ้น​ โดยอาจคงมาตรการป้องกันไปสักระยะหนึ่ง​ แล้วค่อย​ ๆ​ คลายตัวไปในที่สุด​ แต่ถ้าจะให้ไวรัสหมดไปก่อนแล้วค่อยผ่อนคลาย​ ถือว่าทำเกินความจำเป็น​ เพราะยังไงไวรัสก็จะอยู่ไปจนถึงวันสิ้นโลก​

ที่อาจจะกระทบพอ​ ๆ​ กับเศรษฐกิจหากการห้ามไปมัสยิดยืดเยื้อยาวนานคืออัตลักษณ์ความเป็นมุสลิมซึ่งต้องยอมรับว่าการอิบาดัตร่วมกัน​ ณ​ มัสยิดบนพื้นฐานความเข้าใจอย่างถูกต้องคือตัวจักรสำคัญในการสร้างอัตลักษณ์นั้น​

นอกจากนี้การรวมตัวที่มัสยิดยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของมัสยิดอันนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจของชุมชนด้วย

ปราศจากการรวมตัวที่มัสยิดด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าว​ เราก็คงจะมีมุสลิมประเภทสากลเต็มไปหมด​ ประเภทที่พร้อมถูกกลืนไปในกระแสวัตถุนิยม​ บริโภคนิยม​ เผด็จการนิยมหรือเสรีนิยมอะไรก็ได้​ ยกเว้นอิสลามนิยม​ เพราะถือว่าศาสนาเป็นสิ่งปลีกย่อยเล็กน้อยเท่านั้น​ ไม่ใช่ฐานแห่งอัตลักษณ์และสิ่งที่เป็นบังเหียนของชีวิต

นิวนอร์มอลหรือชีวิตวิถีใหม่สำหรับมุสลิม​ จึงอาจเป็นที่ยอมรับได้ในหลาย​ ๆ​ เรื่อง​ แต่คงไม่ใช่การทำให้คนห่างเหินกับมัสยิด

 

ที่มา : https://www.facebook.com/wisoot.binlateh/posts/2731798963722624