สิ้น ”สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” อดีตรมว.ต่างประเทศ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์

ขอบคุณภาพ: โพสต์ทูเดย์

มะเร็งตับคร่าชีวิต “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” อดีต รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้เสียชีวิตอย่างสงบ ด้วยโรคมะเร็งตับ ที่ ร.พ.ศิริราช ด้วยวัย 67 ปี หลังเข้ารับการรักษาตัวมากว่า 3 ปี

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ชื่อเล่น ปึ้ง เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 ที่จังหวัดเชียงใหม่ สำเร็จการศึกษาปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ปริญญาวิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยยังทาวน์สเตท รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา และปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยแห่งแอเคริน รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา

เส้นทางการเมือง นายสุรพงษ์ เริ่มลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งแรกกับ พรรคกิจสังคม เมื่อปี 2529 แต่สอบตก ต่อมาในปี 2539 จึงได้เป็น ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ครั้งแรก สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ จนกระทั่งในปี 2549 นายสุรพงษ์ ย้ายมาพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ตามลำดับ

ในสมัยพรรคพลังประชาชน ซึ่งมี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคในขณะนั้น นายสุรพงษ์ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร

ในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ และรองนายกรัฐมนตรี

และเมื่อปี 2552 นายสุรพงษ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่วมลงนามถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษแก่ นายทักษิณ ชินวัตร ร่วมกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2552 และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 เขาได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. แทนพล.ต.อ. ประชา พรหมนอก

เมื่อเดือน มิ.ย. 2562 ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล คดีออกพาสปอร์ตให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ โทษจำคุกนั้นรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และหลังจากการปรากฏตัวพร้อมญาติ คนใกล้ชิด และทนายความที่ศาลในวันอ่านคำพิพากษาครั้งนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่มีอาการป่วยหนัก นายสุรพงษ์ก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกสื่ออีกเลย