เมื่อไม่นานมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งเสื่อมถอยลง เนื่องจากสหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวิกฤตไวรัสโคโรนา ทั้งยังขัดแย้งกันต่อสถานการณ์ในฮ่องกง เช่นเดียวกับข้อพิพาทเรื่องอาณาเขตในทะเลจีนใต้ ปัญหาเศรษฐกิจ และการพึ่งพาสหรัฐฯต่อทรัพยากรของจีน
“เราทราบดีว่า แรงบีบทางการเมืองบางอย่างในสหรัฐฯ กำลังจับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เป็นตัวประกัน และผลักดันให้ทั้งสองประเทศเข้าสู่สงครามเย็นครั้งใหม่” นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ค.) ตามรายงานของสปุตนิก
เขาตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งสองประเทศจะต้องหาทางเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และกล่าวเพิ่มเติมว่า แต่อย่างไรก็ตามประเด็นของฮ่องกงเป็นเรื่องภายในของจีน และการแทรกแซงจากต่างประเทศเป็นสิ่งไม่อาจยอมรับได้
รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนยังตำหนิ การฟ้องร้องดำเนินคดีโดยรัฐมิสซูรี่และมิสซิสซิปปีของสหรัฐต่อปักกิ่งกรณีไวรัสโคโรนา โดยเขาระบุว่า เป็นการฟ้องที่ไม่ได้วางบนพื้นฐานทางกฎหมาย
“ นอกจากการทำลายล้างที่เกิดจากไวรัสโคโรนาแล้ว ก็ยังมีไวรัสการเมืองแพร่กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกา” นายหวัง อี้ กล่าวและว่า “ไวรัสทางการเมืองนี้เป็นการใช้ทุกโอกาสที่จะโจมตีและทำร้ายจีน นักการเมืองบางคนไม่สนใจข้อเท็จจริงพื้นฐานอย่างสิ้นเชิง และได้สร้างคำโกหกจำนวนมากเกินไปที่กำหนดเป้าหมายไปยังจีน และสร้างพล็อตทฤษฎีสมคบคิดมากเกินไป”
ตามความเห็นของเขา กฎหมายความมั่นคงใหม่ของฮ่องกงควรถูกกำหนด “โดยไม่ชักช้า”
ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากปักกิ่งเสนอกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเพื่อห้ามการแยกตัวและการแทรกแซงจากต่างประเทศในฮ่องกง ส่งผลให้เกิดการโจมตีจีนอย่างรุนแรงในสื่อตะวันตก
