บลูมเบิร์ก/สเตรทไทมส์ – ผลงานจากการร่วมมือวิจัยล่าสุดโดยผู้เชี่ยวชาญและคณะแพทย์ประเทศสิงคโปร์ พบว่าผู้ป่วยโรคโควิด 19 จะหายจากการติดเชื้อหลังจากที่มีอาการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาไปแล้ว 11 วัน ถึงแม้ว่าผลการตรวจเชื้อในร่างกายผู้ป่วยในระยะหลัง 11 วันจะยังคงพบเชื้อไวรัสหลงเหลืออยู่ก็ตาม
รายงานดังกล่าวเป็นผลงานความร่วมมือวิจัยระหว่างศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติสิงคโปร์และสถาบันแพทย์ศาสตร์แห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งได้ผลสรุปว่า “ถึงแม้ผลการตรวจเชื้อเป็น “บวก” ไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยยังมีภาวะติดเชื้อ หรือเชื้อไวรัสยังมีฤทธิ์อยู่” ผลวิจัยนี้ได้บ่งชี้ว่าไวรัสโคโรนาไม่สามารถยืนระยะออกฤทธิ์ต่อหรือขยายตัวเชื้อต่อไปในร่างกายของผู้ป่วยได้หลังจาก 11 วันที่ไวรัสออกฤทธิ์ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการเจ็บป่วย
รายงานดังกล่าวได้ทำการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด 19 รวม 73 คนในประเทศสิงคโปร์
ทั้งนี้ ผลการวิจัยดังกล่าวอาจส่งผลต่อนโยบายในการปล่อยตัวผู้ป่วยออกจากการดูแลของแพทย์ จากปัจจุบันที่ผู้ป่วยจะได้กลับบ้านหลังจากที่ผลตรวจเชื้อในร่างกายเป็นลบแล้วเป็นหลักมากกว่าจะพิจารณาจากภาวะติดเชื้อจริงๆ
รายงานข่าวจากสเตรท ไทมส์ ระบุว่าปัจจุบัน กลยุทธ์ในการจัดการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด 19 ในประเทศสิงคโปร์จะใช้วิธีพิจารณาจากผลทดสอบทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศเป็นหลัก โดยที่กระทรวงสาธารณสุขจะทำการประเมินสถานการณ์จากผลทดสอบล่าสุดและผลการจัดการดูแลคนไข้ที่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์
สถานการณ์โรคระบาดโควิดของสิงคโปร์พบว่าในบรรดาผู้ป่วย 13,882 รายหรือประมาณ 45% ของจำนวนผู้ป่วยโรคโควิดทั้งหมด 31,068 ราย ได้ออกจากการดูแลของโรงพยาบาลและสถานพยาบาลชุมชนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เมื่อเที่ยงวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา สิงคโปร์รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 642 ราย
ล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์ได้เร่งทำการตรวจหาเชื้อในกลุ่มเจ้าหน้าที่และพนักงานที่ทำงานในโรงเรียนอนุบาลทั่วประเทศ เพื่อเตรียมการก่อนเปิดให้โรงเรียนอนุบาลเปิดสอนได้ตามปกติในวันที่ 2 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งผลจากผลการตรวจหาดังกล่าวขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อที่เป็นพนักงานโรงเรียนอนุบาลรวมทั้งหมด 7 คน