นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า หน้าที่หลักของกรมการพัฒนาชุมชนคือ มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ โดยมุ่งมั่นสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ชุมชนพึ่งตนเองได้ ภายในปี 2565 ครั้งนี้กรมการพัฒนาชุมชน และเมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ร่วมกันจัดงาน “ฟื้นใจเมือง ชาวสุขสยาม” ระหว่าง 16-29 ก.ค. 63 เพื่อสานต่อการรวมพลังคนไทยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย พร้อมสร้างความสุข ด้วยการชวนคนไทยอุดหนุนสินค้าไทย เพื่อช่วยกันสนับ สนุนผู้ประกอบการ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ช่วยคนไทยหลังฝ่าภัยโควิด-19 โดยภายในงานได้คัดสรรสินค้าโอทอป ภูมิปัญญาไทย มาจำหน่ายใจกลางเมือง ซึ่งผลิตภัณฑ์โอทอปที่สำคัญในงานนี้ก็คือ “ผ้าไทย” จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
“การจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ เป็นการทำงานแบบดาวกระจาย โดยได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมจากชุมชนทั่วประเทศมาจำหน่าย เงินทุกบาทที่ท่านได้เลือกซื้อสินค้า จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในชนบทดีขึ้น จึงขอเชิญชวนให้ทุกท่านมาร่วมกันสนับสนุนสินค้า สิ่งที่เราได้ทำในวันนี้ นอก จากจะช่วยเหลือครอบครัวเล็กๆ ได้แล้ว ก็ยังสามารถช่วยให้ประเทศก้าวพ้นวิกฤติในครั้งนี้ได้ด้วย” อธิบดี พช. กล่าว
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน กล่าวว่า เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจว่าหัตถศิลป์ของคนไทยของเราไม่แพ้ชาติใดในโลก และด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระองค์ท่านได้รื้อฟื้นในทุกมิติของผ้าไทย และปีนี้ผ้าไทยได้รับโอกาสอย่างยิ่งใหญ่ เพราะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบรับโครงการรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย โดยการรณรงค์เชิญชวนคนไทยสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา
“ถ้าเศรษฐกิจฐานรากมั่นคง คนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะอยู่ได้ แม้จะเจอผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ก็ ตาม ในวันนี้สิ่งที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ คือการช่วยกันกินของไทย ใช้ของไทย สวมใส่ผ้าไทย รวมทั้งการมาช่วยกันสนับสนุนผู้ประกอบการที่โครงการสุขสยามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน” ประธานสภาสตรีฯ กล่าว
ด้าน นางลักขณา นะวิโรจน์ ประธานโครงการสุขสยาม กล่าวว่า ในฐานะที่เมืองสุขสยามเป็นพื้นที่นำเสนอมหัศจรรย์วิถีไทยที่รวบรวมสิ่งดีงามจากทั่วประเทศสู่สายตาชาวโลก เมืองสุขสยาม จึงร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน จัดงาน ฟื้นใจเมืองชาวสุขสยาม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อฟื้นใจเมือง ชาวเมืองสุขสยาม ที่กำลังประสบปัญหาสถานการณ์ การระบาดของโควิด-19 พร้อมเปิดการค้าโลกสู่ยุควิถีแบบวิถีชีวิตปกติใหม่ พร้อมร่วมพัฒนา และเสริมสร้างผู้ประกอบการให้เติบโตไปอย่างยั่งยืน ทั้งนี้เมืองสุขสยาม ยังคงเอกลักษณ์เมืองสารพัดสุข สนุกแบบไทย โดยการสร้างปรากฏการณ์การแสดง สุขสยามกันเถอะเรา เพื่อสร้างสีสัน และความสุข ซึ่งเชื่อว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยสร้างบรรยากาศความสุข และขอให้ทุกคนมีความมั่นใจว่าทุกพื้นที่ของสุขสยาม ยังคงรักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยขั้นสูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการอย่างดีที่สุด
ขณะที่ นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่โครงการสุขสยาม กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดประตู การค้าโลกในมิติ วิถีชีวิตปกติใหม่ เป็นการต่อยอด ความสร้างสรรค์ และมูลค่าเพิ่มในการร่วมพัฒนาสินค้าชุมชนสู่ตลาดโลก ประกาศจุดยืนแนวทางสนับสนุนผู้ประกอบการโอทอป พร้อมกับเชื่อมฐานผู้ประกอบการทั่วทั้งประเทศไทย และถอด รหัสความต้องการของตลาดสากล รวมถึงตอบโจทย์ร้านค้า จากออนไลน์สู่ออฟไลน์ โดยตลอดปี 2563 เมืองสุขสยาม จะมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมประเพณีและความเป็นไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีกิจกรรมสนับสนุนโอทอป ตามเส้นทางพระเจ้าตาก จากอยุธยา สู่กรุงธนบุรี อีกด้วย
ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงาน “ฟื้นใจเมือง ชาวสุขสยาม” ประกอบไปด้วย “OTOP TO THE TOWN : ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทยหลังฝ่าภัยโควิด” รวบรวมร้านค้า 4 ภาค อาทิ Walee ลายผ้าบนผิวน้ำ จ.อยุธยา, กลุ่มหัตถกรรมพื้นบ้านผาสิงห์ จ.อุดรธานี, กลุ่มทอผ้าและตัดเย็บบ้านหาดเสี้ยว จ.สุโขทัย, กระจูดวรรณี จ.พัทลุง, ลำพูนไหมไทย จ.ลำพูน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแสดงสุขสยาม กันเถอะเรา การแสดงวัฒนธรรมไทย 4 ภาค ภายใต้วิถีชีวิตแบบวิถีปกติใหม่ (New Normal) มีแรงบันดาลใจ เพื่อฟื้นใจเมืองสุขสยาม ผ่านเรื่องราว สร้างกำลังใจให้กับร้านค้า สร้างบรรยากาศให้เมืองมีประสบการณ์สารพัดสุข สนุกแบบไทย พร้อมสอดแทรกการประชาสัมพันธ์ร้านค้าในเรื่องราวที่แสดง โดยแบ่งการแสดงเป็น 5 องค์ อาทิ องค์ 1 “ม่วนซื่นคืนสุข” (ภาคเหนือ) องค์ 2 “สนุกหรอยแรง” (ภาคใต้) องค์ 3 แซงแซ่บอีหลี” (ภาคอีสาน) องก์ 4 “สีสันภาคกลาง” (ภาคกลาง) และองก์ 5 “วางทุกข์สุขกันเถอะเรา” (Finale) พร้อมละครสั้น ละครบุพเพเฮฮา (ออเจ้า) และละครพญาน้อยชมตลาด ซึ่งเป็นการแสดงในรูปแบบ The Musical Lip sync Show โดยผู้แสดงใส่หน้ากากผ้าลวดลายหน้าพระ ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานได้ทุกวัน ระหว่าง 16-29 ก.ค. 63 ณ ชั้น G เมืองสุขสยาม ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม