สำหรับการเสวนาในครั้งนี้ ผู้ร่วมเสวนาได้นำเสนอประเด็นต่างๆ ประกอบด้วย ทิศทางการพัฒนาพื้นที่ จชต. ตามยุทธศาสตร์ที่ขับเคลื่อนโดย ศอ.บต. ความต่อเนื่องในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ จชต. การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประชาชน ตลอดจนการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เพื่อให้นักศึกษา วปอ. รุ่นที่ 62 ในโอกาสเดินทางดูกิจการและศึกษาภูมิประเทศภาคใต้ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และจังหวัดชุมพร ระหว่างวันที่ 19-25 กรกฎาคม 2563 ได้นำข้อมูลต่างๆ ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป
ในการนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวต้อนหนึ่งในการเสวนาว่า การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ จชต. สิ่งที่สำคัญที่จะต้องแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน คือ การสร้างอาชีพสร้างรายได้ ซึ่งในพื้นที่ 5 จชต.มีสถานบันการศึกษาหลายแห่งเยาวชนที่จบการศึกษามีทุกปี ทั้งที่จบในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้แรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศกลับมาประเทศไทยหลายหมื่นคน ภาครัฐจึงเร่งขับเคลื่อนให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ซึ่งในพื้นที่ 3 จชต.มีประชากรประมาณ 4 แสนกว่าครัวเรือน ทั้งนี้ ศอ.บต.ได้ร่วมกับกระทรวง ทบวง กรม ร่วมกันสร้างเศรษฐกิจที่เป็นรายได้ พืชเศรษฐกิจใหม่ พืชพลังงาน ไผ่เศรษฐกิจ กาแฟ โกโก้หรือผลไม้ ซึ่งกำลังมีที่ยืนในตลาดต่อไป เร่งหาที่ยืนให้เด็กรุ่นใหม่ พัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ปักหมุดที่ 4 เมืองต้นแบบ และปัจจุบันในพื้นที่มีโรงงานที่รองรับหลายแห่งทั้งโรงงานปาล์มน้ำมัน โรงงานมะพร้าว โรงงานทุเรียน โรงงานเฟอร์นิเจอร์ มีการแปรรูปมีการสร้างงาน สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงให้นักลงทุน รวมถึงการสร้างผลผลิตในพื้นที่ให้มีราคาเพิ่มขึ้น เร่งสร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่เป็นการดึงนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาท่องเที่ยวใน จชต. เป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป