สปุตนิก – “ฮิซบุลเลาะห์” พรรคการเมืองและกลุ่มติดอาวุธของเลบานอน อาจพยายามใช้คลังแอมโมเนียมไนเตรตซึ่งเกิดระเบิดทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่โดยรอบท่าเรือเบรุตเพื่อเตรียมทำสงครามกับเทลอาวีฟครั้งใหม่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 ของอิสราเอลรายงานและประเมินโดยไม่มีแหล่งอ้างอิง
รายงานดังกล่าวเผยแพร่หลังจาก ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์กล่าวคำปราศรัยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปราศรัยครั้งแรกหลังเกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม รายงานนี้พยายามชี้นำให้เห็นว่า “วัตถุระเบิดในท่าเรือไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ นัสรุลเลาะห์และฮิซบุลเลาะห์” และชี้ไปยังการกักตุนวัตถุระเบิดของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ทั้งในสหราชอาณาจักร เยอรมนี ไซปรัส และประเทศอื่นๆ ตามข้อกล่าวหาของ “มอสสาด” หน่วยสืบราชการลับอิสราเอล
“ เกี่ยวกับสิ่งที่เก็บไว้ในท่าเรือเบรุต การประเมินคือ นัสรุลเลาะห์ตั้งใจจะใช้ในสงครามครั้งที่สาม (กับอิสราเอล)” สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 ระบุว่า อิสราเอลและเลบานอนมีการสู้รบหลายครั้งในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งสงครามใหญ่สองครั้ง ได้แก่ สงครามปี 1982 และสงครามเลบานอนปี 2006 โดยฮิซบุลเลาะห์ทำหน้าที่เป็นกำลังหลักในการต่อต้านกองกำลังอิสราเอล
สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 รื้อฟื้นความทรงจำว่า นัสรุลเลาะห์เคยขู่ว่าจะยิงจรวดใส่ถังเก็บแอมโมเนียในเมืองท่าไฮฟาทางตอนเหนือของอิสราเอลเมื่อปี 2016 ในเหตุการณ์ปะทะกับอิสราเอล นอกจากนี้ช่อง 13 ยังฟื้นความจำถึงสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติเมื่อปี 2018 ซึ่งเขากล่าวหาว่ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์จัดเก็บอาวุธในพื้นที่พลเรือนในเบรุต และเตือนฮิซบุลเลาะห์ว่า “อิสราเอลรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร” และ“ จะไม่ให้คุณหนีไปได้”
ในคำปราศรัยเมื่อวันศุกร์ นัสรุลเลาะห์ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่ากลุ่มนี้ไม่มีอาวุธใดๆ ที่ท่าเรือเบรุต
แอมโมเนียมไนเตรตเป็นสารเคมีอุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นปุ๋ยทางการเกษตร แต่ยังสามารถระเหยและระเบิดได้แรงสูง เคยถูกใช้ทำระเบิดโดยกองทหารอาสาสมัครและกลุ่มก่อการร้าย
คาดว่ามีแอมโมเนียมไนเตรตมากถึง 2,750 ตันเก็บไว้ที่โกดังท่าเรือเบรุตเมื่อเกิดการระเบิดในวันที่ 4 สิงหาคม มีรายงานว่าสินค้าดังกล่าวถูกนำมาที่ท่าเรือบนเรือบรรทุกสินค้าที่จดทะเบียนในมอลโดวาในปี 2013 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหน่วยงานท้องถิ่นและศาลได้ต่อสู้กับระบบราชการเพื่อส่งต่อความรับผิดชอบในการจัดการสินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการส่งออกแอมโมเนียมไนเตรตนี้ให้กองทัพหรือบริษัทวัตถุระเบิดเอกชนเพื่อดูแล จนที่สุดก็นำมาสู่เหตุระเบิด
หายนะดังกล่าวได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 150 ชีวิต โดยมีผู้สูญหายประมาณ 100 คน บาดเจ็บอีกกว่า 5,000 คน และผู้อยู่อาศัยในเมืองหลวงของเลบานอนมากถึง 300,000 คนต้องกลายเป็นผู็ไร้ที่อยู่อาศัย คาดว่าการระเบิดดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่าตั้งแต่ 3 พันล้านเหรียญถึง 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ