อธิบดี พช.อัญเชิญพระบรมราโชวาท ในหลวง รัชกาลที่ 9 มอบนโยบายพัฒนาชุมชน จ.ระยอง เป็นหลักการทำงาน มุ่งเน้นเป็นข้าราชการที่ดี ทุ่มเท เสียสละ อดทน รอบรู้ จริงใจทำงานเพื่อประชาชนอยู่ดีมีความผาสุกและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เวลา 10.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เดินทางไปยังห้องประชุมสร้อยเพชร 3 โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติราชการและบรรยายพิเศษในหัวข้อ บทบาทของกรมการพัฒนาชุมชนกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ให้แก่เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดระยองจำนวน 50 คน โดยมี นายพิศ นันทพูนพิพัฒน์ พัฒนาการจังหวัดระยอง บรรยายสรุปผลการดำเนินงานพัฒนาชุมชนในพื้นที่ โดยมีนายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีฯ นางสาวชนมณัฐ รอดบุญธรรม ผู้ตรวจราชการกรม ร่วมพิธี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวอัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นหลักการให้ข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนมุ่งทำงานเพื่อความผาสุกของประชาชนความตอนหนึ่งว่า “ในการปฏิบัติงาน ชาวบ้านมักมีความหวาดระแวง และเกรงกลัวเจ้าหน้าที่ข้าราชการ ถือว่าเป็นบุคคลภายนอกหมู่บ้าน ไม่ใช่พวกเดียวกัน การเชื่อถือหรือยอมทำตามคำแนะนำส่งเสริมจึงมีน้อย ดังนั้นจะต้องทำให้ชาวบ้านรู้สึกรักและเชื่อถือว่าเราเป็นพวกเดียวกับเขา มีความปรารถนาจะช่วยเขาอย่างแท้จริง เช่น ให้ความรัก ช่วยเหลือเมื่อเดือดร้อน ทำงานให้จริงจัง ซึ่งต้องใช้ความ พยายาม ความอดทน เป็นอย่างมาก ในการแนะนำส่งเสริมอาชีพ หรือให้คำแนะนำเรื่องต่าง ๆ ต้องทำให้บ่อยๆ ไม่ใช่พูดหรือทำหนเดียว เพราะชาวบ้านมีประเพณีความเคยชินมานาน และเมื่อแนะนำให้ทำอะไรได้แล้ว ต้องช่วยให้เขาขายได้ด้วย มิฉะนั้นเขาจะเสื่อมศรัทธา ไม่เชื่อถือทำต่อไป ขอให้ช่วยกันแนะนำชาวบ้านราษฎรให้ขยันขันแข็ง มีความฉลาด สร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว ทำงานหารายได้ และเก็บออม ไว้เมื่อถึงคราวจำเป็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประกันสังคม การสร้างความมั่นคงเป็นปึกแผ่นแก่ครอบครัวชนบทเป็นการป้องกัน ประเทศชาติด้านหนึ่ง”
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่าพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังกล่าวข้างต้นได้ทรงพระราชทานให้แก่พัฒนากรในวโรกาสเสด็จไปทรงกระทำพิธีเปิดเขื่อนและการพลังงานไฟฟ้า แม่น้ำพุง จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2508 นอกจากนี้พระองค์ท่านยังทรงมีพระบรมราโชวาทที่สำคัญอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2511 เนื่องในวโรกาสที่ทรงกรุณาโปรดเกล้าให้ข้าราชการและคณะนักศึกษาพัฒนากรเข้าเฝ้า ณ ที่ประทับบริเวณศูนย์พัฒนาชุมชนเขต 9 จังหวัดยะลา
พระบรมราโชวาทเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2511 ดังกล่าวความตอนหนึ่งว่า “…เมื่ออบรมจบไปแล้วจะต้องไปทำงานในหมู่บ้าน อย่ายึดมั่นในตำราที่ได้จากห้องเรียนอย่างเดียว ต้องรู้จักปรับปรุงความรู้ที่ได้มานั้นให้ตรงกับสภาพท้องที่และคุณลักษณะของคนที่ไปทำงานร่วมด้วย พัฒนากรต้องออกไปทำงานกับคนหลายลักษณะ หลายคุณภาพ ต้องไปทำงานในท้องที่ ซึ่งสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน เปียกบ้าง แห้งบ้าง จึงต้องใช้ไหวพริบ คือ ความรู้มาใช้ให้ตรงกับเหตุการณ์และสภาพแวดล้อม พัฒนากรต้องรอบรู้ จึงจะทำงานได้สำเร็จ…”
อธิบดีฯ กล่าวว่า ดังนั้น พัฒนากรจึงต้องรอบรู้ ขยัน อดทน ใช้ความเพียรทำให้เป็นที่รักของชาวบ้าน แล้วอย่าละทิ้งชาวบ้านภาคีเครือข่าย เช่น กลุ่มสตรี อาสาพัฒนาชุมชน ซึ่งพัฒนาการจังหวัดและพัฒนาการอำเภอต้องเป็นต้นแบบในการหล่อหลอมให้ข้าราชการกรมฯได้ใกล้ชิดประชาชน ต้องมีการพบปะ เยี่ยมเยียนชาวบ้าน และติดตามงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขอให้ช่วยกันทำให้เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้ลูกหลานได้เรียนรู้ ซึ่งจะทำให้วัฒนธรรมภูมิปัญญาไม่หายไป ทั้งนี้ คุณภาพชีวิตของคนจะดีอยู่ที่ปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ซึ่งภารกิจกรมฯ ก็คือการทำให้เกิดความมั่นคงในปัจจัย ทั้ง 4
“ขอฝากให้ข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนได้ช่วยกันคิดงานนอกเหนือจากที่ทางกรมฯ คิด โดยอาจทดลองทำในพื้นที่เล็กๆ แล้วสรุปผลเสนอไปยังผู้บริหารกรมฯ ก็จะทำให้เกิดงานที่มีคุณค่าและเกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ และขอเป็นกำลังใจกับข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนที่ได้เหน็ดเหนื่อยร่วมกันปฏิบัติภารกิจงานพัฒนาชุมชนเพื่อพี่น้องประชาชนได้มีความเข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี”อธิบดี พช.กล่าวย้ำ