อัลจาซีรา – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศยุติการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อปฏิบัติการรุกรานทางทหารในเยเมนที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย โดยระบุว่าฝ่ายบริหารชุดใหม่กำลังวางแผนให้สหรัฐฯมีบทบาทมากขึ้นในความพยายามยุติสงครามกลางเมืองของประเทศนี้
“สงครามนี้ได้ก่อให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรมและยุทธศาสตร์” ไบเดนกล่าวกับนักการทูตในการเยือนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดี “ สงครามนี้ต้องยุติลง”
“ในเวลาเดียวกัน” เขากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ก.พ.) ว่า “ซาอุดีอาระเบียเผชิญกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธ การโจมตีด้วยโดรน (UAV) และภัยคุกคามอื่น ๆ จากกองกำลังที่สนับสนุนโดยอิหร่านในหลายประเทศ เราจะให้การสนับสนุนและช่วยซาอุดิอาระเบียปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและประชาชนของตนต่อไป”
แต่การยุติการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อการรุกรานของซาอุฯ นี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการใดๆ ของสหรัฐฯ ต่อกลุ่มอัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาหรับหรือ AQAP ที่ตั้งฐานอยู่ในเยเมน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ “เจค ซัลลิแวน” กล่าว
การกลับลำในวาระเยเมนเป็นหนึ่งในนโยบายการเปลี่ยนแปลงที่ไบเดนวางไว้ ซึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีเขากล่าวว่า จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐบาลพรรครีพับลิกัน มักให้ความช่วยเหลือผู้นำเผด็จการในต่างประเทศในนามของความมั่นคง
การประกาศเกี่ยวกับเยเมนเป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้ในการหาเสียง นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นว่า ไบเดนให้ความสำคัญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สหรัฐฯ มีส่วนช่วยซ้ำเติม นอกจากนั้นการกลับลำนโยบายครั้งนี้ยังเท่ากับเป็นการตำหนิซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันระดับโลกและพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
สงครามกลางเมืองของเยเมนเป็นการสู้รบระหว่างรัฐบาลที่ถูกยอมรับในระดับนานาชาติกับขบวนการฮูซีที่เป็นแนวร่วมของอิหร่าน ความขัดแย้งนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนนับหมื่นรวมถึงพลเรือนจำนวนมาก และสร้างวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในโลก
พันธมิตรทางทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบียเข้าแทรกแซงในเดือนมีนาคม 2015 โดยหนุนฝั่งรัฐบาลเยเมน และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์ สงครามนี้ถูกมองว่าเป็นสงครามตัวแทนระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านมากขึ้นเรื่อย ๆ
