ศอ.บต. ร่วมกับ กอ.รมน.ภาค 4 สน. และ กกล.ตร.จชต. แถลงความคืบหน้าการดำเนินงานในห้วงเดือน ที่ผ่านมา

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564  เวลา 09.30 น. ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นายธีรพงษ์ เพชรรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยพันเอก วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และพันตำรวจเอก วศิน จินตเสถียร ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ / ผู้ช่วยโฆษกกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงการปฏิบัติงานในห้วงเดือนที่ผ่านมา

นายธีรพงษ์ เพชรรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้แถลงถึงการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่ผ่านมาว่า พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ส่งต่อความปรารถนาดีเนื่องจาก รัฐบาล เห็นความสำคัญของทุกศาสนา โดยได้ประกาศวันหยุดราชการพิเศษในวันตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงแก่พี่น้องประชาชนทุกคน รวมถึงชี้แจงความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ของ ศอ.บต. ประกอบด้วย การลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและมอบเตียงผู้ป่วยให้ผู้ป่วย และผู้พิการ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, โครงการมอบบ้านที่ปรับปรุงใหม่ เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดยะลา จำนวน 9 หลัง, การหารือเพื่อให้ความช่วยเหลือนักศึกษาที่จบจากต่างประเทศ และยังไม่ได้รับการรับรองวุฒิการศึกษาและสถาบัน รวมถึง ความคืบหน้าการดำเนินการจัดทำแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ Smart City ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa Thailand) จับมือผู้ว่าฯ 5 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตรและภาคธุรกิจ พร้อมส่งเสริม สนับสนุนให้ชุมชนหรือภาคประชาชนเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมดิจิทัลในการยกระดับขีดความสามารถ ลดต้นทุนและสร้างโอกาสและรายได้ ซึ่ง ศอ.บต. จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยง หนุนเสริม เติมเต็มผู้ว่าราชการทั้ง 5 จังหวัด เพื่อขับเคลื่อนในเรื่องดิจิทัลนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดี เน้นเรื่องพื้นที่เมืองน่าอยู่ หรือเมืองอัจฉริยะ คาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในปี 2564 – 2565

ด้าน พันเอก วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีการจัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธีหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซึ่งได้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมพื้นที่ชายแดนป้องกันการลักลอบผ่านแดนโดยผิดกฎหมาย ซึ่งภายหลังจากที่ประเทศมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ควบคุมการสัญจร และปิดประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีแรงงานต่างด้าวรวมถึงคนไทย จะทำการลักลอบเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย โดย พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้จัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธีหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสขึ้น ณ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อเพิ่มความเข้มงวดและควบคุมการปฏิบัติตามแนวชายแดน สกัดกั้นการลักลอบผ่านแดนโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ อำเภอแว้ง อำเภอตากใบ และ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งได้เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน อย่างเข้มข้น

ในส่วนของ พันตำรวจเอก วศิน จินตเสถียร ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ / ผู้ช่วยโฆษกกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าคดีสำคัญจากกรณีเหตุระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรศรีสาคร ขณะเดินทางเข้าตรวจสอบเหตุเผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้รถยนต์ของทางราชการเสียหาย จำนวน 3 คัน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีภูธรศรีสาคร ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย จากการตรวจที่เกิดเหตุระเบิดพบวัตถุพยานเป็นชิ้นส่วนถังแก๊สขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัม และเหล็กเส้นตัดท่อนพร้อมด้วยสายไฟฟ้าที่ใช้สำหรับจุดชนวนระเบิด และจุดที่เผาเสาสัญญาณโทรศัพท์พบระเบิดขว้างแสวงเครื่อง V7 ภายในไม่ได้บรรจุดินระเบิดพบท่อเหล็กยาว 6 นิ้วหนัก 10 กิโลกรัม ซึ่งภายในบรรจุดิน ANFO รวมระเบิดสามลูกเก็บกู้ได้จำนวนสองลูก