Z Holdings และ LINE ประกาศการควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์

  • ประกาศโฟกัส 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การพาณิชย์ (Commerce) สินค้าและบริการในแนวดิ่ง (Local Vertical) เทคโนโลยีทางการเงิน(Fintech) และการบริการสาธารณะ (Public Services)
  • ทุ่มทุนกว่า 5 แสนล้านเยนพร้อมเปิดตำแหน่งงานว่าจ้างวิศวกรปัญญาประดิษฐ์ (AI Engineer) กว่า 5,000 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี
  • ตั้งเป้ากวาดรายได้กว่า 2 ล้านล้านเยนและรายได้จากการดำเนินงาน (Operating Income) กว่า 225,000 ล้านเยน ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

กรุงโตเกียว – 1 มีนาคม 2564 – ซี โฮลดิ้งส์ คอร์ปอเรชั่น (ZHD) และ ไลน์ คอร์ปอเรชั่น (LINE) ประกาศการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามกระบวนการต่างๆ ด้านกฎหมายเรียบร้อยแล้ว

ZHD และ LINE พร้อมด้วยบริษัทแม่ของทั้งสองบริษัทอย่าง SoftBank และ NAVER ได้ดำเนินการด้านธุรกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการยืนยันการควบรวมธุรกิจดังกล่าว หลังจากที่ได้บรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการไป เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ต่อเนื่องด้วยการเจรจาร่วมกันเกี่ยวกับสัญญาหลักด้านการควบรวมกิจการ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 และบันทึกข้อตกลงพันธมิตรทางธุรกิจ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563

นอกจากนั้น ทั้งสองบริษัทยังได้มีการเจรจาในด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ดำเนินการโดยทั้งสองบริษัท เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างเป็นพลวัตหลังจากการควบรวมธุรกิจดังกล่าวแล้ว

ณ ปัจจุบัน การควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัทถือเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ โดยมีสัญญาการแลกเปลี่ยนหุ้นระหว่าง ZHD และ LINE Demerger Preparatory Company ลงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงอันเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการในครั้งนี้

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ZHD ถือเป็นหนึ่งในบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีพนักงานกว่า 23,000 คน มีบริการกว่า 200 บริการแก่ผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคน ลูกค้าองค์กรกว่า 15 ล้านราย และ โครงการร่วมกว่า 3,000 โครงการในเทศบาลเมืองต่างๆ

การควบรวมกิจการในครั้งนี้ ทำให้กลุ่มบริษัท ZHD มีขอบข่ายธุรกิจครอบคลุมการให้บริการสารสนเทศ การจ่ายเงิน และการสื่อสาร ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มบริษัท ZHD มุ่งหวังที่จะทำให้ผู้ใช้งาน “บรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น” (Achieve Even More) ด้วยพลังของอินเทอร์เน็ต และสร้างคุณค่าใหม่ๆ ผ่านการแก้ปัญหาด้านสังคมต่างๆ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในต่างประเทศ เพื่อให้สังคมได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

กลุ่มบริษัท ZHD จะยังคงเน้นการให้บริการ Yahoo! JAPAN อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจหลักของ LINE คือ การให้บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต (Search) และการเป็นเว็บท่า (Web Portal) การโฆษณา (Advertising) และการให้บริการส่งข้อความ (Messenger) อย่างไรก็ตามการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัทจะโฟกัสไปที่ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การพาณิชย์ (Commerce) สินค้าและบริการในแนวดิ่ง (Local Vertical) เทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) และ การบริการสาธารณะ (Public Services) โดยจะมีการใช้เทคโนโลยีด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ในทั้ง 4 ด้าน เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ลูกค้า และสังคม อย่างต่อเนื่องสืบไป

4 กลุ่มธุรกิจหลัก
1. การพาณิชย์ (Commerce)
–  การซื้อสินค้าบริการภายในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเชื่อมโยงกับหน้าร้าน (X Shopping) กลุ่มบริษัท ZHD มีเป้าหมายที่จะสร้างโลกที่ผู้คนสามารถซื้อสิ่งที่ตนเองต้องการในราคาที่ดีที่สุด ที่ไหนและเมื่อใดก็ได้ผ่าน LINE โดยจะมีการเปิดตัวบริการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น การให้ของขวัญผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือ Social Gift การซื้อแบบกลุ่ม (Team Commerce) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถรวมกลุ่มซื้อสินค้าในราคาถูกลง การซื้อสินค้าในระหว่างการไลฟ์สด (Live Commerce) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ใช้งานเข้ากับวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ นอกจากนี้ จะยังเน้นการให้บริการ ที่เรียกว่า “X Shopping” (Cross Shopping) ซึ่งนับว่าเป็นประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ ที่เชื่อมโยงข้อมูลสินค้าระหว่างร้านค้าออนไลน์และหน้าร้าน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกวิธีการซื้อสินค้า ที่ตรงต่อความต้องการของตนเอง กลุ่มบริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวฟังก์ชัน “ราคาของฉัน” (My Price Initiative) ซึ่งเป็นฟังก์ชันการตั้งราคาแบบไดนามิกหรือการตั้งราคาแบบยืดหยุ่น และบริษัทยังมีแผนที่จะจัดทำโปรแกรมการมอบคะแนนสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าอีกด้วย
– ให้บริการซอฟต์แวร์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ผ่าน “โครงการสมาร์ทสโตร์” (Smart Store Project)
กลุ่มบริษัทฯ มีกำหนดแผนเปิดตัว “โครงการสมาร์ทสโตร์” (Smart Store Project) ภายในครึ่งแรก ของปี พ.ศ. 2564 โดยใช้องค์ความรู้ด้านการพาณิชย์อิเล็ก
ทรอนิกส์ของบริษัท NAVER โดยกลุ่มบริษัท จะให้บริการซอฟแวร์การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ประกอบการธุรกิจผ่าน “โครงการสมาร์ทสโตร์” ดังกล่าว โดยรวมถึงเครื่องมือการสร้าง การดำเนินงาน การวิเคราะห์เว็บไซต์ รวมถึงการบริการลูกค้าและทราฟฟิคจากแหล่งอ้างอิง หรือทราฟฟิคที่เข้ามายังเว็บไซต์ผ่านทาง “Link” จากเว็บไซต์อื่นๆ (Referral Traffic) ในอนาคตกลุ่มบริษัทยังมีแผนให้บริการเครื่องมือเพิ่มเติมที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้ทั้งในรูปแบบของร้านค้าออนไลน์และหน้าร้านผ่านทางหน้าจอเดียว

2. สินค้าและบริการในแนวดิ่ง (Local Vertical)
บริษัทฯ จะให้บริการซอฟต์แวร์เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ผ่านปัญญาประดิษฐ์ เช่น การบริการด้านการจองที่พักและร้านอาหาร ในด้านของการโฆษณา บริษัทฯ จะให้บริการซอฟต์แวร์ ด้านการตลาดในรูปแบบใหม่แก่ธุรกิจต่างๆ ผ่านการผสานความร่วมมือกับ Yahoo! JAPAN, LINE และ PayPay เพื่อจะช่วยให้ธุรกิจมีแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ตรงต่อความต้องการมากขึ้น

3. เทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech)
บริษัทฯ เตรียมพร้อมที่จะเชื่อมโยงผู้ค้าที่ให้บริการการจ่ายเงินผ่าน PayPay และ LINE Pay โดยเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนปีนี้ ผู้ใช้งาน LINE Pay จะสามารถจ่ายเงินผ่านผู้ค้า PayPay กว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศญี่ปุ่* ที่ใช้งานผ่านโหมด merchant-presented mode (MPM) นอกจากนั้น PayPay และ LINE Pay ยังเริ่มเจรจาเรื่องการจ่ายเงินโดยใช้คิวอาร์โค้ด (QR Code) และบาร์โค้ด (Barcode) ของ LINE Pay ผ่าน PayPay ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565*
*1จำนวนร้านค้าและรถแท็กซี่ที่ลงทะเบียนไว้กับ PayPay ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
*2เพื่อเป็นการเชื่อมโยงและให้บริการ ทั้งนี้ บริษัทจะต้องผ่านคุณสมบัติตามกฎหมายเพื่อที่จะได้รับอนุญาต ในการประกอบธุรกิจ

4. การบริการสาธารณะ (Public Services)
บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการให้บริการสาธารณะ การป้องกันภัยพิบัติ การสาธารณะสุข และความพยายามที่จะแก้ปัญหาด้านสังคมต่างๆ ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นอกจากนั้น บริษัทจะยังให้บริการการแพทย์ทางไกลหรือโทรเวช ผ่าน “LINE Doctor” ซึ่งเป็นบริการจาก LINE Healthcare Corporation สำหรับผู้ใช้งานในประเทศญี่ปุ่น การให้บริการแพทย์ทางไกลดังกล่าวจะมอบความสะดวกและการเข้าถึงที่เพิ่มมากขึ้นผ่านการพัฒนาการให้บริการ ตั้งแต่การให้คำแนะนำออนไลน์เรื่องการใช้ยา ไปจนถึงการส่งยาและการให้บริการการรักษาผ่านทางออนไลน์ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะเริ่มให้บริการการให้คำแนะนำออนไลน์เรื่องการใช้ยาภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และผลักดัน “LINE Doctor” ให้เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น

การลงทุนและการขยายธุรกิจระดับโลก
กลุ่มบริษัท ZHD มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างคุณค่าใหม่ๆ โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการบริการ ทุกรูปแบบ และเพื่อจะให้บรรลุตามเป้าประสงค์ในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นศูนย์กลางการเติบโตของธุรกิจ กลุ่มบริษัทมีแผนทุ่มทุนกว่า 5 แสนล้านเยน โดยจะขยายฐานและเพิ่มจำนวนของวิศวกรปัญญาประดิษฐ์ (AI Engineer) ทั้งในและต่างประเทศราว 5 พันตำแหน่ง ภายในระยะเวลา 5 ปี นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังตั้งมั่น สร้างความสำเร็จระดับโลกเพื่อพัฒนาการบริการ สินค้า และฟีเจอร์ใหม่ๆ เมื่อผนวกกับองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากตลาดหลักของ LINE ในต่างประเทศ อาทิ ประเทศไต้หวัน ไทย และอินโดนีเซีย กลุ่มบริษัท ZHD จะสามารถพัฒนาการให้บริการและสามารถเพิ่มศักยภาพได้ในระดับโลก รวมถึงในประเทศญี่ปุ่นเอง นอกจากนั้นบริษัทยังตั้งใจที่จะใช้องค์ความรู้และเครือข่ายของบริษัทแม่อย่าง SoftBank และ NAVER อีกด้วย

การจัดการข้อมูล
บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยด้านข้อมูล โดยจะให้คำแนะนำ ที่เข้าใจง่ายแก่ผู้ใช้งาน และดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับ ในขณะเดียวกันก็น้อมรับคำแนะนำและ การประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ บริษัทฯ จะยังคงให้คำแนะนำที่ครอบคลุมและโปร่งใสหลังจากได้รับการยินยอม จากผู้ใช้ และจะยังมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยโดยยึดมาตรฐานต่างๆ ในระดับสากล

โครงสร้างและนโยบายการบริหารจัดการ
ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการใหม่นี้*4  บริษัท ZHD ตั้งเป้าการดำเนินการแบบสอดประสานความร่วมมือ เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจและการให้บริการ โดยบริษัทมีเป้าหมายสร้างรายได้กว่า 2 ล้านล้านเยน และสร้างสถิติรายได้จากการดำเนินงานสูงสุดกว่า 225,000 ล้านเยน ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

*4 ประกาศเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้แทนกรรมการและการแต่งตั้งผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่
โครงสร้างการบริหารจัดการ https://www.z-holdings.co.jp/en/pr/press-release/2021/0301a/

บริษัท ZHD จะยังคงมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งานทั่วโลก และมุ่งหวังจะใช้พลังของอินเทอร์เน็ตในการแก้ปัญหาสังคมต่างๆ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะเป็น “บริษัทเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำของโลกจากญี่ปุ่นและเอเชีย” (World-Leading AI Tech Company from Japan and Asia) ที่สามารถส่งมอบประสบ การณ์ การใช้งานที่ดีที่สุดจากประเทศญี่ปุ่นขยายสู่ผู้ใช้งานทั่วเอเชีย