ลำโพงกระจายเสียงของมัสยิดส่งเสียงแสดงการต้อนรับตลอดเวลา ส่วนใหญ่เป็นเสียงการกล่าวตักบีรพิเศษในวันอีดจากเด็กๆ 6 โมงเช้าในราฟาห์ตะวันตก ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้ใหญ่และเด็กๆ รวมทั้งอิสมาอีลตัวน้อยที่กำลังตะโกนเรียกซูห์ดี น้องชายของเขา ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปยังมัสยิดบิลาล บิน รอบาห์
บางคนจูงวัวและแกะไปด้วยเพื่อทำการเชือดพลี (กุรบาน) สำหรับการฉลองหลังนมาซอีด เนื้อของสัตว์เหล่านี้จะถูกแจกจ่ายให้แก่คนยากจนเพื่อให้พวกเขาได้ฉลองด้วย อีดอัฎฮาเป็นสัญญาณการสิ้นสุดพิธีฮัจญ์ของมุสลิม การเชือดพลีสัตว์เลี้ยงที่มีค่าถือเป็นการรำลึกถึงความยินยอมพร้อมใจของศาสดาอิบรอฮีมที่จะเชือดพลีอิสมาอีล บุตรชายของท่าน ตามคำบัญชาของพระเจ้า
บนท้องถนน ผู้หญิงกำลังมุ่งหน้าไปยังมัสยิดประจำท้องถิ่นแห่งนี้ สำหรับอุมมุ อะห์มัด วัย 55 ปี มันเป็นวันที่พิเศษมากที่ผู้หญิงจะได้เข้าร่วมการนมาซอีด และมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้หญิงคนอื่นๆ
“เรายังใช้โอกาสที่น่ายินดีนี้เพื่อระลึกถึงคนที่เรารักและสูญเสียไปในระหว่างสงครามปีที่แล้ว” อุมมุอะห์มัดกล่าว เธอสูญเสียน้องเขยไปจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปหาบางอย่างในวันแรกของอีดนี้ ไม่ว่ามันจะเป็นความสุขใจหรือความโศกเศร้า ท้องถนนของกาซ่าส่งเสียงระงม แต่หัวข้อการสนทนาทั่วไปยังคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปิดล้อมของอิสราเอล และราคาปศูสัตว์ที่พุ่งสูงขึ้นในกาซ่า
ถึงแม้จะพบกับความเจ็บปวดและยากลำบากอยู่ไม่หยุดหย่อน แต่บาชีร ซูฟี วัย 14 ปีกล่าวว่า ประชาชนในกาซ่าจะเฉลิมฉลองกับชีวิตและวันอีดต่อไป
“ชีวิตของเราต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม” นักกวีรุ่นเยาว์กล่าว เขาร่วมกับพ่อและพี่น้องของเขาไปเยี่ยมลุงป้าน้าอา เช่นเดียวกับมุสลิมที่มุสลิมอีกมากมายทั่วโลกทำกัน ในระหว่างเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองและการใคร่ครวญนี้
ไม่ใช่ความปิติยินดีเท่านั้น
แต่ทว่าความเคยชินไม่เคยสิ้นสุดในกาซ่า คนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปในหลายปีที่ผ่านมา การเฉลิมฉลองไม่มีความหมายอะไรโดยไม่มีสมาชิกครอบครัวอยู่เคียงข้าง พวกเขาจะไปเยี่ยมสุสานและรดน้ำต้นไม้ และนั่งครุ่นคิดบางอย่างอยู่เงียบๆ
เราสามารถรู้สึกถึงความปิติยินดีจากประชาชนที่เดินไปมาหาครอบครัวของพวกเขาได้ แต่พวกเขาหลายคนน่าจะได้ขับรถหรือโดยสารรถประจำทางไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะการขาดแคลนน้ำมันมายาวนานในกาซ่าเนื่องจากการที่อิสราเอลควบคุมการข้ามแดนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดพิเศษและวันเฉลิมฉลองแบบเดียวกันนี้ของชาวยิว
โดยทั่วไปแล้ว สต๊อกน้ำมันของกาซ่ามีพอแค่ไม่กี่วันเท่านั้น และปั๊มน้ำมันทุกแห่งได้ประกาศแล้วว่าปริมาณน้ำมันสำรองเป็นศูนย์ไปจนถึงหลังวันหยุดของยิว อิสราเอลบอกว่าได้เปิดด่านข้ามแดนแล้ว แต่วิกฤติน้ำมันก็ยังคงปรากฏชัดอยู่บนท้องถนนของกาซ่า เพราะมีรถวิ่งระหว่างเมืองต่างๆ น้อยลง ประชาชนหลายพันคน ทั้งผู้สูงอายุและคนป่วย ถ้าไม่เร่งรีบเพื่อไปขึ้นรถโดยสารที่มีเพียงน้อยนิดก็จะแค่เดินไปยังจุดหมายปลายทางของพวกเขา
“เมื่อคืนนี้ผมรอจนถึงเที่ยงคืน เพราะหวังว่าจะมีน้ำมันได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้ามาบ้าง แต่วันนี้ผมวิ่งรถทั้งที่ใกล้จะหมดน้ำมันเต็มทีแล้ว ผมไม่ต้องการให้ผู้โดยสารของผมตกค้างอยู่ระหว่างทางโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน” มุสตาฟา อบูฮานาฟี คนขับรถแท้กซี่วัย 23 ปี กล่าว
อบูฮานาฟีบอกว่า เขาไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ เขาหาน้ำมันไม่ได้เพราะด่านข้ามแดนที่อิสราเอลควบคุมถูกปิดเนื่องจากเป็นวันหยุดของชาวยิว
สำนักงานของเขาเหมือนกับห้องซาวน่า ในวันแรกของอีด ขณะที่มัสยิดอะซานบอกเวลานมาซครั้งที่สองของวัน เขาต้องใช้ทิชชู่เช็ดหน้าผากและมือที่เปียกของเขา รถแท็กซี่ฮุนไดสีเงินยังคงจอดอยู่ด้านนอก เขาทนไม่ไหวกับจำนวนผู้โดยสารที่มากมายและเขาไม่สามารถทำงานได้
“บางครั้งผมก็สงสัยว่าทำไมเราจึงยอมรับชีวิตภายใต้การยึดครองและการปิดล้อมแบบนี้” เขาบ่นด้วยความคับแค้นใจ และเพื่อนของเขากล่าวแทรกขึ้นว่า “มันเป็นราคาที่เราต้องจ่ายสำหรับแค่การเป็นชาวปาเลสไตน์และการไม่ยอมออกไปจากแผ่นดินเกิดของเรา”
ในวันอีด เมื่อครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน หัวข้อที่สนทนากันมากที่สุดก็คือ ค่าจ้างที่หายไปของลูกจ้างภาครัฐที่จ้างโดยฝ่ายปกครองโดยพฤตินัยของกาซ่าในปี 2007 หลังจากการต่อสู้ระหว่างฟาตาห์และฮามาส เมื่อคณะปกครองปาเลสไตน์(PA) ได้สั่งให้ลูกจ้างทั้งหมดอยู่กับบ้าน ทำให้มันเป็นการยากสำหรับฮามาสที่จะบริหารแนวชายฝั่งที่ถูกปิดล้อมนี้
การสนทนากันยังคงต่อไปถึงเรื่องความยากจนและการว่างงานในกาซ่า ซึ่งเป็นผลมาจากเก้าปีแห่งการปิดล้อมของอิสราเอล
อุมมุ รอมซี นั่งอยู่ภายนอกบ้านของเธอเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ และเพื่อหนีจากความร้อนอบอ้าวภายใน เธอใช้เวลาพูดคุยกับลูกายวัย 26 ปีของเธอเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าดับที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธอทำให้ไม่สามารถเปิดพัดลมได้
สามีของอุมมุ รอมซี เสียชีวิตในปี 2012 และหลายคนที่สามารถแบ่งปันเนื้อวันอีดกับเธอได้ในยามที่เธอไม่มี ปีนี้คนที่สามารถแบ่งปันเนื้อกับเพื่อนบ้านที่แร้นแค้นก็ลดน้อยลง และแม้พวกเขาจะแบ่งได้ เธอก็ไม่มีไฟฟ้าที่จะเก็บเนื้อในสัดส่วน 20 กิโลกรัมไว้ในตู้เย็นได้ ประชาชนและองค์กรการกุศลต่างๆ พยายามจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่การตัดไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถเก็บรักษาเนื้อได้ มันเป็นโอกาสเดียวที่อุมมุ รอมซีจะได้เนื้อ เพราะเธอไม่สามารถซื้อมันได้
“ฉันจะเก็บเนื้อไว้ได้อย่างไรในเมื่อไฟฟ้าจะดับนานถึงวันละ 12 ชั่วโมง” เธอบอกกับ MEE
กาซ่าต้องประสบกับไฟฟ้าดับมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นวิกฤติที่ทำให้การใช้ชีวตยากลำบากกว่าที่เคยเป็นมา แม้จะเป็นเช่นนี้ อุมมุ รอมซีกล่าวว่า “อีดก็คืออีด และเราฉลองการดำเนินต่อไปของชีวิตเรา”
เธอนั่งกับจามิล ลูกชายคนที่สอง รอญาติแวะมาเยี่ยม ถึงแม้จะรู้ว่าเธอไม่สามารถให้อะไรกับพวกเขาได้มากเท่ากับที่เธออาจให้ได้เมื่อหลายปีที่ผ่านมา
“มันเป็นความจริงที่แปลกมาก ในกาซ่าเราโคล่าอุ่นๆ และขนมปังเย็นๆ ไว้ต้อนรับ” เธอพูดขณะใช้จานโลหะเป็นพัดเพื่อพัดให้หน้าเย็น เธอคุ้นเคยกับความร่อยหรอตลอดหลายปีแห่งการลงโทษของอิสราเอล ความเจ็บปวดและความยากลำบากในขณะนี้เป็นภาวะอันไม่พึงประสงค์ในกาซ่า สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ กาซ่าอาจจะกลายเป็นเมืองที่อยู่อาศัยไม่ได้ภายในปี 2020 ตามคำกล่าวของสหประชาชาติ
กลับที่มัสยิดบิลาล บิน รอบาห์ มันเต็มไปด้วยประชาชนจากทั่วทั้งเมืองที่กำลังกล่าวถ้อยคำเดียวกันกับบรรดาผู้ที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์ในซาอุดิอารเบียกล่าวกัน
อิหม่ามเข้ามายืน ขอให้ผู้มาร่วมนมาซสำรวมจิตใจ และเชื่อมโยงกับอัลลอฮ์และคนยากจน ในการกล่าวเทศนาธรรมวันอีด 15 นาทีนั้น มีการกล่าวถึงเรื่องราวทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อพลเมืองกาซ่าทุกคนด้วย นั่นก็คือการปิดกั้นกาซ่า
ทุกคนที่ทำนมาซในมัสยิดนี้ต่างตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดจากการปิดล้อม เพราะอยู่ห่างจากชายแดนอียิปต์ที่กำลังยุ่งกับการขุดคลองเพื่อเป็นสิ่งกีดขวางตัดอุโมงค์สายช่วยชีวิตไปยังกาซ่าเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่อุโมงค์เหล่านี้เป็นเส้นทางสายช่วยชีวิตเพียงช่องทางเดียวสำหรับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่า การปิดกั้นกาซ่าที่ตอนนี้บังคับใช้โดยไคโร เป็นอีกหัวข้อหลักในการสนทนา แม้จะพยายามทำลืมและสนุกสนานกับวันอีด ประชาชนต่างยิ้มแย้มและแบ่งปันอาหารซึ่งกันและกัน แต่มีบางอย่างอยู่ลึกลงไปที่หลอกหลอนพวกเขาอยู่ ค่ายนักโทษก็ยังคงเป็นค่ายนักโทษ อิหม่ามกล่าว
“เรายึดมั่นกับสัญลักษณ์ทางศาสนาของวันอีด แต่ความเป็นจริงทางการเมืองไม่อำนวยให้กับการเฉลิมฉลองมากนัก” อบูฮานาฟี คนขับรถกล่าวด้วยความขุ่นเคือง ขณะทำความสะอาดกระจกหน้ารถแท้กซี่ของเขาที่จอดติดฝุ่นอยู่หลายชั่วโมง
เขาบอกว่า เขาจะมีความสุขใจได้ก็ต่อเมื่อเขาได้เห็นชายแดนเปิดและได้ไปพบกับพี่ชายของเขาในอัลจีเรียได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกกักตัวไว้ที่ด่านข้ามแดน
อย่างไรก็ตาม เด็กๆ ในวันอีดก็พบวิธีที่จะหนีจากความยากลำบากทางการเมืองด้วยการฉลองชั่วคราว ถึงอย่างไร มันก็คือวันอีด และต้องมีการฉลอง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
แปลจาก http://www.middleeasteye.net/in-depth/features/it-may-not-be-perfect-it-s-eid-260183413
เขียนโดย Mohammed Omer
นักแปล, โต๊ะข่าวต่างประเทศ