โฆษก ศอ.บต. ชี้แจงถึงประกาศจุฬาราชมนตรี ในการปฏิบัติศาสนกิจห้วงเทศกาลฮารีรายอ ตามมาตรการป้องกันโควิด 19

โฆษก ศอ.บต. ชี้แจงถึงประกาศจุฬาราชมนตรี ในการปฏิบัติศาสนกิจห้วงเทศกาลฮารีรายอ ตามมาตรการป้องกันโควิด 19 พร้อมนำความห่วงใยจากเลขาธิการ ศอ.บต. ถึงผู้ที่เดินทางกลับมายังภูมิลำเนาให้ปฏิบัติตามมาตรการ ศบค. อย่างเคร่งครัด

นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ในฐานะโฆษก ศอ.บต. กล่าวถึงการประกาศของจุฬาราชมนตรี เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ว่าด้วยเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด อีฎิ้ลฟิตรี (ฉบับที่ 5/2564) ว่าขณะนี้สถานการณ์การแพร่กระบาดของโรคโควิด 19 ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่กระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ได้ประกาศปรับระดับพื้นที่ควบคุม 3 ระดับ เป็นระยะเวลา 14 วัน (1 – 14 พฤษภาคม 2564) และในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงเวลาของการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฎิ้ลฟิตรี ดังนั้นจึงกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ดังต่อไปนี้ สำหรับในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ให้งดละหมาดอีฎิ้ลฟิตรีที่มัสยิด และให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแจ้งมัสยิดได้ประกาศแจ้งผู้ดูแลในชุมชนให้ละหมาดที่บ้านภายในครอบครัว โดยใช้มาตรการเดียวกับละหมาดที่มัสยิด สำหรับในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำนวน 45 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม จำนวน 26 จังหวัด ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพิจารณาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด หากเห็นสมควรว่าสามารถละหมาดอีฎิ้ลฟิตรีได้ ให้ปฏิบัติตามแนวทางในการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฎิลฟิตรี ให้ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้ามัสยิด วางเจลล้างมือแอลกอฮอล์ งดใช้บ่อน้ำร่วมกัน ให้ทำความสะอาดพื้นที่มัสยิดก่อนและหลังละหมาด ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ รวมถึงทำเครื่องหมายจุดละหมาดเว้นระยะห่าง 1 – 2 เมตร และให้รีบปฏิบัติศาสนกิจ กระชับเวลาในการละหมาดและคุตบะห์ ไม่เกิน 30 นาที สำหรับผู้ปฏิบัติศาสนกิจให้อาบน้ำละหมาดมาจากบ้าน ใช้ผ้าปูละหมาดส่วนตัว งดสลามด้วยการสัมผัสมือ เด็กและผู้สูงอายุให้งดไปร่วมปฏิบัติศาสนกิจ และหากมัสยิดพื้นที่ใดที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคให้งดการละหมาด โดยให้ละหมาดที่บ้าน และใช้มาตรการเดียวกับที่มัสยิด อีกทั้งงดการจัดเลี้ยงอาหาร หลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เช่นการเยี่ยมญาติหรือการเยี่ยมกุโบร์ เป็นต้น (ประกาศไว้วันที่ 6 พฤษภาคม 2564)

ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ในฐานะโฆษก ศอ.บต. ยังเปิดเผยอีกว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของพี่น้องมุสลิม และจะเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องเทศกาลวันฮารีรายอ โดยจะมีญาติพี่น้องจากต่างจังหวัดเดินทางกลับภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. จึงได้ฝากย้ำให้ผู้ที่เดินทางกลับมายังภูมิลำเนาให้ปฏิบัติตามมาตรการ ศบค. อย่างเคร่งครัด

รวมทั้งญาติพี่น้องที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย เน้นย้ำเดินทางกลับเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมาย ห้ามหลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างจะเข้าช่วยเหลือ รวมทั้งห้ามปลอมแปลงเอกสารทางราชการเพราะจะมีโทษในคดีอาญาอย่างหนัก และนอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบข้าวสารอาหารแห้ง และเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบาลอ อำเภอรามัน และตำบลกรงปินัง อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 และได้ทำการปิดหมู่บ้านในพื้นที่ นอกจากนี้เลขาธิการ ศอ.บต. ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือพร้อมหาตลาดรองรับผลผลิตทางการเกษตรอีกด้วย

อย่างไรก็ตามทาง ศอ.บต.ได้มีการดำเนินการจัดทำสื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคโควิด 19 และความจำเป็นในการฉีดวัคซีนป้องกันทั้งภาคภาษาไทยและภาษามาลายู ในรูปแบบของสปอตวิทยุ โทรทัศน์ ข่าว หนังสือเสียง คลิปวิดีโอ อินโฟกราฟฟิก สื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงให้คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาค ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายสาขาอาชีพ ตลอดจนผู้นำศาสนา โต๊ะอิหม่าม ช่วยทำการสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ถึงมาตรการป้องกันโควิด 19 อย่างเคร่งครัดอีกช่องทางหนึ่งด้วย