โรบินสันไลฟ์สไตล์ ตั้งมั่นเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือสังคม พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรร้านอาหารชั้นนำ ส่งมอบพลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ใน 24 โรงพยาบาล สู้วิกฤตโควิด-19
ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตั้งมั่นในการเป็นศูนย์กลางเพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้โครงการ “CRC รวมพลัง กู้วิกฤตโควิด-19” ผ่านหลากหลายกิจกรรมเพื่อสังคม ที่พร้อมให้การสนับสนุนทั้งหน่วยงานภาครัฐ บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบัน
นายจักรภพ ปิยะรัตน์ HEAD OF PROPERTY MANAGEMENT ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ในฐานะศูนย์การค้าฯ ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และเป็น Center of Community เรามีความพร้อมและตั้งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและสนับสนุนสังคมไทยในทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาในช่วงวิกฤตการณ์ โควิด-19 ในปัจจุบัน ผ่าน 5 กิจกรรมเพื่อสังคมที่สำคัญ ซึ่งประกอบด้วย 2 กิจกรรมใหญ่ ได้แก่
1. ‘โรบินสันไลฟ์สไตล์ ส่งพลังใจ Fight โควิด–19’ ด้วยการผนึกกำลัง4 พันธมิตรเครื่องดื่ม และร้านอาหารภายในศูนย์การค้าฯ ได้แก่ น้ำดื่มสิงห์, ฮะจิบัง ราเมน, มิสเตอร์ โดนัท, อานตี้ แอนส์ รวมทั้งร้านค้าท้องถิ่น ร่วมมอบถุงน้ำใจ ซึ่งประกอบด้วยอาหาร และเครื่องดื่ม จำนวน 3,000 ชุด รวมมูลค่ากว่า 700,000 บาท ให้แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ผู้เสียสละทุกท่านใน 24 โรงพยาบาล ในจังหวัดที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ตั้งอยู่ทั่วประเทศ เพื่อแทนคำขอบคุณจากใจ และหวังว่าจะเป็นหนึ่งพลังใจ ที่จะส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 ต่อไป
2. สนับสนุนภาครัฐในการกระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน ด้วยการตอบรับนโยบายของสภาหอกา รค้าไทย ซึ่งอยู่ในทีม A ภายใต้การนำของ คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในการเสนอพื้นที่ให้บริการแก่ภาครัฐจำนวน 20 สาขาทั่วประเทศ เพื่อเร่งกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและทั่วถึงให้คนไทย พร้อมจัดหาจิตอาสา อุปกรณ์อำนวยความสะดวก รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจแก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ผู้เสียสละทุกท่าน โดยจะเริ่มเปิดพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไปเป็นระยะเวลา 6 เดือน อาทิ โรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาลาดกระบัง ลพบุรี สระบุรี ชัยภูมิ จันทบุรี เพชรบุรี ตรัง ฯลฯ โดยคาดว่าแต่ละสาขาจะมีประชาชนเข้ามารับบริการราว 500 – 1,500 คน ต่อวัน ทั้งนี้ โรบินสันไลฟ์สไตล์ ยังจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนที่มารับบริการฉีดวัคซีนภายในศูนย์การค้าฯ เพียงแสดงบัตรรับรองการฉีดวัคซีน รับส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำภายในศูนย์ฯ อาทิเช่น ร้านอาหาร, ขนมและเครื่องดื่ม, สินค้าแฟชั่น,สินค้าเสริมความงาม โรงภาพยนตร์, ฟิตเนส, ศูนย์บริการรถยนต์ และร้านค้าอื่นๆ อีกมายมาย
นอกจากนี้ โรบินสันไลฟ์สไตล์ ยังจัดอีก 3 กิจกรรมย่อย เพื่อเป็นศูนย์กลางของลูกค้าที่ต้องการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังภาคส่วนต่างๆ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้แก่
3. โครงการ “โรบินสันไลฟ์สไตล์ ทำด้วยใจ ไฟท์โควิด-19” (Help Thai Fight COVID-19) ร่วมสมทบทุนสนับสนุนงานวิจัยพัฒนากระบวนการรักษาและยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด -19 เพื่อมอบแก่แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ ซึ่งสามารถบริจาคผ่านการสแกน QR Code ที่ https://www.facebook.com/292542234564943/posts/1129524400866718/?d=n
4.เปิดพื้นที่สำหรับรับบริจาคโลหิตภายในศูนย์การค้าฯ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตลอดทั้งปี ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 11 ปี เพื่อบรรเทา และส่งต่อความช่วยเหลือไปยังสภากาชาดไทย และโรงพยาบาลที่ขาดแคลน และโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ยังได้มีการเชิญชวนพนักงานใน 24 สาขาทั่วประเทศ ร่วมกันบริจาคโลหิต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาล และผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีเร่งด่วนอีกด้วย
5. เชิญชวนลูกค้าร่วมบริจาคกล่องกระดาษลูกฟูกเหลือใช้ เพื่อนำไปรีไซเคิลเป็นเตียงกระดาษ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 เป็นต้นมา ซึ่งร่วมกับเอสซีจีพี เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือแก่โรงพยาบาลสนาม โดยสามารถบริจาคได้ที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ 3 สาขา ได้แก่ ลาดกระบัง, ศรีสมาน, สมุทรปราการ
“เราหวังว่าจากความร่วมมือร่วมใจทั้งหมด ที่เกิดจากความตั้งมั่นในการที่จะช่วยเหลือสังคมไทย จะเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้คนไทยได้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกันได้อย่างดีอีกครั้ง อีกทั้งจะช่วยให้ประเทศไทยได้กลับมาเดินหน้าต่ออย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายจักรภพกล่าวทิ้งท้าย