กลุ่มต่อสู้ปาเลสไตน์ประณามยูเออีเปิดสถานทูตในเทลอาวีฟ

ผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ถือภาพเหมือนของโมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี พร้อมคำบรรยายว่า "คนทรยศ" เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2020 ที่มัสยิดอัลอักซอ ในกรุงเยรูซาเล็ม (ภาพโดยเอเอฟพี)

เพรสทีวี – ขบวนการต่อสู้เพื่อชาวปาเลสไตน์หลายกลุ่มประณามสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ได้เปิดสถานทูตในเทลอาวีฟ เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่อิสราเอลสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์กว่า 120 คนในดินแดนฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อมมานาน

การเปิดสถานทูตเอมิเรตส์ในวันพุธ (14 ก.ค.) ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารตลาดหลักทรัพย์เทลอาวีฟ เกิดขึ้นสองสัปดาห์หลังจากการเปิดสถานทางการทูตอิสราเอลในอาบูดาบี

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมด้วยบาห์เรน ได้ลงนามในข้อตกลงปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติกับระบอบการปกครองของอิสราเอล ซึ่งมีพิธีอย่างเป็นทางการจัดโดยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาวในเดือนกันยายน 2020 ชาวปาเลสไตน์ประณามข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็น “การแทงข้างหลัง” ต่อวาระในการต่อต้านการยึดครองของอิสราเอล

ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ ขบวนการฮามาสซึ่งมีฐานอยู่ในฉนวนกาซา กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ส่งสัญญาณถึงการยืนกรานอย่างต่อเนื่องในการกระทำ “บาปใหญ่” ต่อชาวปาเลสไตน์และประชาชนทั้งหมดในภูมิภาคที่ปฏิเสธการปรับสัมพันธ์กับอิสราเอลทุกรูปแบบ

“ที่อันตรายยิ่งกว่าคือข้อเท็จจริงที่ว่า พฤติกรรมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เกิดขึ้นทันทีหลังจากการรุกรานของผู้ก่อการร้ายไซออนิสต์ต่อประชาชนของเราและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้สังหารหมู่พลเรือนที่ไม่มีที่พึ่งและทำลายบ้านเรือนของพวกเขา” แถลงการของฮามาสระบุเพิ่มเติม

“สิ่งนี้แสดงถึงการตกต่ำที่อันตรายในมุมมองทางการเมืองของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจะไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครองอย่างเป็นทางการต่ออาชญากรรมที่ศัตรูไซออนิสต์ก่อกับชาวปาเลสไตน์ แต่ยังจะสนับสนุนให้ก่ออาชญากรรมมากยิ่งขึ้น และเดินหน้าโครงการสุดโต่ง Judaization”

นอกจากนี้ โฆษกฮามาส “ฮาเซม คัสเซม” กล่าวว่า การเปิดสถานทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเทลอาวีฟ จะสร้างความเสียหายให้กับปาเลสไตน์และอำนวยประโยชน์แก่ผู้ยึดครองอย่างไม่ต้องสงสัย

มันแสดงถึง “การแทงข้างหลัง” ต่อประชาชนปาเลสไตน์และการต่อสู้ต่อต้านการยึดครองของพวกเขา ซึ่งปรากฏอยู่ใน “ปฏิบัติการดาบแห่งอัลกุดส์” (Operation al-Quds Sword) โฆษกฮามาสเสริมว่า หมายถึงปฏิบัติการที่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคมโดยกลุ่มต่อต้านในฉนวนกาซาเพื่อตอบโต้พวกไซออนิสต์และการกระทำที่ก้าวร้าวของระบอบการปกครองอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ในดินแดนที่ถูกยึดครอง

ขณะเดียวกัน ตารีก ซิลมี โฆษกของกลุ่มอิสลามิกญิฮาด ขบวนการต่อสู้อีกกลุ่มหนึ่งที่มีสำนักงานใหญ่ในฉนวนกาซากล่าวว่า ผู้ปกครองชาวเอมิเรตส์รีบไปเปิดสถานทูตของพวกเขาในเทลอาวีฟ ในช่วงเวลาที่ “อาชญากรรมของผู้ยึดครองในอัลกุดส์ การรื้อถอนบ้านเรือน และการบุกโจมตีมัสยิดอัลอักศอ ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น”

“บางทีสถานทูตแห่งนี้อาจสร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของบ้านหรือที่ดินของครอบครัวชาวปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่นหรือถูกกวาดล้างไปในช่วงปี 1948 แห่งวันนักบา” เขากล่าวและว่า “การเป็นพันธมิตรกับศัตรูเท่ากับการทรยศและก่ออาชญากรรม ไม่ว่ากระบอกเสียงแห่งความเท็จจะพยายามแก้ต่างให้กลายเป็นปกติหรือพยายามปิดบังความจริงมากเพียงใดก็ตาม”

ในขณะเดียวกัน ขบวนการแนวร่วมประชาชนเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PFLP) กล่าวถึงชาวอาหรับที่สร้างสันติภาพกับอิสราเอลว่าเป็นผู้ทรยศ โดยกล่าวว่าการเปิดสถานทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในดินแดนที่ถูกยึดครองหมายถึงการย้ายจาก “normalization to Zionization” (จากสร้างสัมพันธ์เป็นปกติสู่การเป็นไซออนนิสต์)

“อาหรับบางประเทศกำลังกระชับความสัมพันธ์กับผู้ยึดครองอย่างต่อเนื่อง โดยแลกมาด้วยเลือดของชาวปาเลสไตน์” PFLP ระบุ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตกลงใจที่จะเป็นเบี้ยในอุ้งมือของระบอบไซออนิสต์-อเมริกันและตัวแทนของมันในภูมิภาคนี้”

PFLP เสริมว่าผู้ปกครองอาหรับกำลังลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับอิสราเอลเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง

“พวกเขากำลังมองหาใครสักคนที่จะปกป้องพวกเขาและปกป้องบัลลังก์ของพวกเขา พวกเขาหลงผิดในเรื่องนี้ เพราะพวกเขาขัดต่อเจตจำนงของประชาชน แผ่นดิน และประวัติศาสตร์” PFLP ระบุ