
เพรสทีวี – นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิสราเอล นายนาฟตาลี เบนเน็ตต์ ได้อนุมัติการก่อสร้างนิคมชาวยิวมากกว่า 3,400 ยูนิตในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายในการขยายการตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฎหมายในดินแดนปาเลสไตน์
เมื่อวันพุธ (14 ก.ค.) เบนเน็ตต์ให้ไฟเขียวโครงการก่อสร้างห้องชุด 3,412 ยูนิตในเขตเวสต์แบงก์ หรือที่รู้จักในชื่อโครงการ E1
แผนการก่อสร้างได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากทางการปาเลสไตน์ เนื่องจากมีการตัดการเข้าถึงที่ดินระหว่างดินแดนที่มีชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์
อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้พยายามพัฒนาโครงการ E1 แต่ถูกระงับภายใต้แรงกดดันจากประชาคมระหว่างประเทศ รัฐบาลปาเลสไตน์ (PA) และกลุ่มสิทธิมนุษยชน
โครงการ E1 ได้รับการเสนอครั้งแรกภายใต้อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยิตซัค ราบิน แต่ถูกแช่แข็งอย่างหนักในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างกองกำลังอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์เริ่มมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการรื้อถอนบ้านของชาวปาเลสไตน์และการขับไล่ครอบครัวของพวกเขาในเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออก
เมื่อวันพุธ 14 ก.ค. รัฐบาลอิสราเอลได้รื้อถอนที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์ 11 หลังในชุมชนชาวเบดูอิน al-Qabbun ในเวสต์แบงก์
กล่าวกันว่าเทลอาวีฟกำลังพยายามปูทางสำหรับการขยายนิคม โดยดำเนินการรื้อถอนนชุมชนเบดูอินทางเหนือและตะวันออกของรามัลเลาะห์
อิสราเอลวางแผนที่จะบังคับให้ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ออกจากย่านเชคจาราห์ (Sheikh Jarrah) ในกรุงเยรูซาเล็มตะวันออกที่ถูกยึดครองและพยายามแทนที่พวกเขาด้วยการตั้งนิคมชาวยิว แผนดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการต่อสู้ระหว่างกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาและอิสราเอลในเดือนพฤษภาคม
ชาวอิสราเอลมากกว่า 600,000 คนอาศัยอยู่ในนิคมตั้งถิ่นฐานมากกว่า 230 แห่ง นับตั้งแต่การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอลในปี 1967 ทั้งในเขตเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออก
การตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลทั้งหมดนั้นผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากสร้างขึ้นบนที่ดินที่ถูกยึดครอง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประณามกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลในดินแดนที่ถูกยึดครองในมติหลายฉบับ