เป็นอีกหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามอง สำหรับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหน่วยงานสำคัญที่ทำหน้าที่ใกล้ชิดกับชุมชน และประชาชนทั่วประเทศ บนพื้นฐานของความเป็น “ข้าราชการ” ที่จะต้องประสานงานกับประชาชน และ ทำงานร่วมกับนโยบายจากภาครัฐ กับนโยบายที่จะลงไปสู่พื้นที่ชุมชนในหลากหลายด้าน ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพชีวิต และวิถีชีวิตของประชาชนจำนวนมาก
กรมการพัฒนาชุมชน ภายใต้การกุมบังเหียนของ “อภิชาติ โตดิลกเวชช์” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งท่านจะมีทิศทางและนโยบายอย่างไรรวมถึงส่งผล กระทบในเชิงบวกต่อชุมชนและประชาชนทั่วประเทศ ที่จะก้าวสู่อนาคตแห่งการพัฒนาได้อย่างไร “เดอะพับลิกโพสต์” มีโอกาสเปิดใจ ไขรหัส นักพัฒนาตราสิงห์ผู้ก้าวเข้ามารับหน้าที่นี้
อันดับแรกที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน?
ภายใน 3 สัปดาห์แรกนับแต่วันที่รับตำแหน่ง (2 ตุลาคม) ต้องทราบถึงองคาพยพ การขับเคลื่อนงานของกรมการพัฒนาชุมชน ว่าจะสามารถตอบสนองนโยบายรัฐบาลให้บรรลุเป้าหมายวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลวางไว้ในด้านการเสริมสร้างเศรษฐกิจพอเพียงและการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ของกรมการพัฒนาชุมชนที่ได้วางไว้ เพื่อให้หลักการใหญ่ด้านยุทธศาสตร์วิสัยทัศน์คงที่ เพราะถือว่า ได้ผ่านการวิเคราะห์ กลั่นกรองจากมืออาชีพไว้อย่างรอบคอบดีแล้ว
เพราะฉะนั้น การทำงานต่อไปจากนี้ จะเน้นเรื่องกระบวนการทำงาน ขับเคลื่อนให้บรรลุวัตถุประสงค์ วิธีการทำงานที่จะทำให้งานประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
แต่ปัญหาที่ยากที่สุดคือการขับเคลื่อนงานที่จะต้องกำหนดเป้าหมายการทำงาน และวิธีการทำงานให้สำเร็จ พร้อมกับกำหนดกิจกรรมโครงการที่ติดตามมา ต้องขับเคลื่อนโดยยึดหลัก 3 หลัก คือ กำหนดเป้าหมาย กำหนดวิธีการทำงานและกำหนดกิจกรรม เพื่อทำงานให้สำเร็จ
โดยสัปดาห์แรกของการทำงานจะต้องทราบถึงการขับเคลื่อนงานเศรษฐกิจพอเพียง วิธีการจะขับเคลื่อนอย่างไรให้บรรลุผลได้เร็วที่สุด การพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป จะทำอย่างไรให้สำเร็จในเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดตัวแบบแนวนโยบาย การขับเคลื่อนลงไปสู่ท้องถิ่น ซึ่งมีพัฒนาการจังหวัดมีหน้าที่ขยายผล และผู้ตรวจราชการลงพื้นที่ไปติดตามงาน
โดยผลงานที่เป็นหัวใจคือ การทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ให้ฐานรากเข้มแข็งทำให้ประชาชนเกิดแนวความคิดแก้ปัญหาของตัวเองได้ อันนี้เป็นหัวใจหลัก ที่จะต้องทำให้เห็นผลอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อนำไปสู่การพัฒนา ในอนาคต อย่าปล่อยให้คนหกพันคนเดินหน้า มีแปดแสนคนเดินตาม ถ้าปล่อยให้ราชการนำ ก็ไม่เจริญ ต้องให้ประชาชนแปดแสนคนเดินนำ แล้วให้หกพันคนคอยสนับสนุน จังหวัดนั้นก็จะเจริญมาก ดังนั้นราชการจะทำต้องถอยมาข้างหลัง ประชาชนเดินไปข้างหน้า ประเทศไทยจะเจริญมาก ขอให้ประชาชนใช้พัฒนากร คนใกล้ชิด ที่ปรึกษา เป็นเพื่อนร่วมคิดร่วมทำ ถือว่าเป็นบุคคลกรที่มีประสิทธิภาพในท้องที่นั้น ใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ช่วยประคับประคองดูแล ขับเคลื่อนงานและแก้ปัญหาในพื้นที่ให้สำเร็จได้
รู้สึกหนักใจหรือไม่กับการรับตำแหน่งใหม่?
ในการรับตำแหน่งใหม่นี้ จะบอกว่า ไม่หนักใจก็ไม่ได้ ยอมรับว่า หนักใจ หนักใจตรงที่จะขับเคลื่อนการทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ ผมสนใจเรื่องการทำงานให้สำเร็จบรรลุเป้าหมาย เป็นความสำคัญอันดับแรก ผมเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดอีก 4 ปี จึงมีประสบการณ์งานด้านพัฒนาชุมชนของกรมการพัฒนาชุมชนที่อยู่ในส่วนภูมิภาค พัฒนากรมีบทบาทมากในงานพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานเดียวที่มีเจ้าหน้าที่ลงไปถึงระดับภูมิภาค และขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาชุมชน เราต้องพัฒนาพัฒนากรให้ทันสมัยอยู่เสมอ สามารถที่จะแก้ปัญหา เป็นผู้นำในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ผมเห็นว่า พัฒนากรที่มีอยู่ ยังช่วยเหลือขับเคลื่อนได้ค่อนข้างดี
การดำเนินงานตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและชุมชน
เรื่องเศรษฐกิจชุมชน ส่วนตัวให้ความสำคัญมาก เพราะการจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง ชุมชนต้องมีเศรษฐกิจที่ดี ประชาชนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีก่อน
นโยบายรัฐบาลต้องการเร่งสร้างเศรษฐกิจฐานราก ขณะนี้ปัญหาเร่งด่วนของกรมการพัฒนาชุมชนคือทำอย่างไรให้องคาพยพทั้งหมดของกรมฯ ที่อยู่ในพื้นที่กว่า 6,000 คน เป็นเจ้าหน้าที่กรมเดียวในระดับตำบลของกระทรวงมหาดไทย ต้องรับภาระมา ซึ่งจะต้องปรับบทบาท มีงานเข้ามาหลายเรื่องน่าจะเป็นความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างชุมชนให้เข้มแข็งเราจะพยายามพัฒนาบทบาทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป ขับเคลื่อนงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นการสร้างเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งต้องขับเคลื่อนให้สมบูรณ์ที่สุดนับแต่ที่รับงานมาต้องขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ขับเคลื่อนให้ได้ดีที่สุด
ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบัน สังคมเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว กรมการพัฒนาชุมชน จะต้องมีการปรับเปลี่ยนบทบาทบ้าง ผมคิดว่า ทุกวันนี้ เรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป ยังทำหน้าที่คล้ายๆ เป็นกรรมการตัดสินนางงาม ทำหน้าที่เหมือนเป็นออร์แกไนซ์ ซึ่งจะต้องปรับใหม่บทบาทไม่ให้เป็นกรรมการ แต่จะต้องลงไปทำผลงาน กรมฯ ต้องไปทำให้ชุมชนเข้มแข็ง เกิดความยั่งยืนให้ได้
สุดท้ายกับการพัฒนาบุคลากรในกรมฯ
ผมเชื่อว่า กรมการพัฒนาชุมชน มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ความสามารถ ถือเป็นบุคลากร “เกรดเอ” ที่ทำงานร่วมกัน และทำให้เบาใจไปได้
แต่ที่ต้องดูแลให้ดีคือ พัฒนากรในพื้นที่ เพราะนโยบายรัฐบาลลงไปอยู่ในพื้นที่มาก พัฒนากรในพื้นที่จะมีงานเพิ่มมากขึ้น ถือว่า เป็นผู้เสียสละ ต้องเข้าไปดูแลสิ่งที่ขาดแคลน ขวัญกำลังใจ ความก้าวหน้าในราชการ จะพยายามสนับสนุนให้ก้าวหน้า
เศรษฐกิจฐานรากที่แท้จริง คือต้องไปสำรวจ ค้นหาภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างแท้จริงว่า ในแต่ละตำบลนั้น มีสินค้าที่เป็น “ดาวเด่น” จริงๆ แล้วให้การสนับสนุน ก็จะสามารถก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน
และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของกรมการพัฒนาชุมชน ที่อยู่ภายใต้การนำของอธิบดีฯ ผู้มีประสบการณ์ตรงกับงานด้านชุมชนและการพัฒนา ที่มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า จะนำพาชุมชนทั่วประเทศสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
—-
ประวัติส่วนตัว
นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์
อายุ 57 ปี (2501)
การศึกษา
-รัฐศาสตร์บัณฑิต สาขาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-Cert.Disaster Management สถาบันเทคโนโลยีเอเชีย AIT
-หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน ( ปรอ 22 )
ตำแหน่งราชการ
-ปลัดอำเภอจังหวัดลำปาง
-หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครสวรรค์
-หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลพบุรี
-ปลัดจังหวัดสิงห์บุรี
-รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร
-ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่
-ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
รางวัลที่ได้รับ
-รางวัลประกาศนียบัตร ผู้มีผลงานทางวิชาการดีเด่นของวิทยาลัยการปกครอง หลักสูตรนายอำเภอ รุ่นที่ 41
-นายกรัฐมนตรี มอบเข็มเชิดชูเกียรติ (ครุฑทองคำ) รางวัลข้าราชการดีเด่น
-นายกรัฐมนตรีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในฐานะบริหารจัดการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดแพร่ ที่มีผลงานระดับดีเด่น
-รางวัลผู้บริหารดีเด่น CEO Thailand Awards 2014 โดยสถาบันรัชต์ภาคย์
-รางวัล “สำเภาทอง” ของหอการค้าไทย
ผู้ช่วยบรรณาธิการ สำนักข่าวเดอะพับลิก, นสพ.เดอะพับลิกโพสต์