วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการช่วยเหลือ และเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการเหตุในภาวะวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมติดตาม ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำและอำนวยการหน่วยงานในพื้นที่ ในการบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูฝน ให้เกิดความเป็นเอกภาพ โดยครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุม โดยมีพลเรือโท ธนพล วิชัยลักขณา ประธานอนุกรรมการคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยผู้แทนจากจังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมน้อมเกล้า ชั้น 1 อาคารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนาภคใต้ (ศอ.บต.) อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เพื่อหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการรับมือสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ภาคใต้ และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ตามที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กอนช. ได้ติดตามและคาดการณ์สภาพอากาศในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีฝนตกหนักมากในพื้นที่ดังกล่าว ช่วงระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงต้นเดือน ธันวาคม 2564 จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งส่งผลให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากอาจส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำหลากและส่งผลกระทบกับประชาชนได้ ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามเฝ้าระวังคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยที่จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ระดับน้ำทะเลหนุนสูงและล้นตลิ่งเข้าสู่พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณปากแม่น้ำได้เช่นกัน
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า จากการรายงานสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นว่า ในพื้นที่ภาคใต้จะยังมีฝนตกหนักและหนักมากอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธันวาคม 2564 ต้นไป ซึ่ง กอนช.จะยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ที่ประชุมได้สรุปแนวทางปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างศูนย์ฯ น้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กอนช. และ ศอ.บต. ที่จะบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลการบริหารจัดการน้ำในการติดตาม เฝ้าระวัง ประเมิน วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ แนวโน้มการคาดการณ์ การเตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ และแผนการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งหารือแนวทางการปรับแผนการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง และคาดการณ์ว่ามีความเสี่ยงล้นอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนบางลางและเขื่อนปัตตานีให้สอดคล้องกับปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำล้นทางระบายน้ำ กระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ำ ซึ่ง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช. ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำฝนและน้ำท่าอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมแผนเผชิญเหตุอย่างรัดกุม เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง สามารถให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที และกำชับให้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง
นอกจากนี้ นายชยันต์ เมืองสง ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กอนช. ยังได้เปิดกลุ่มไลน์ ที่เชื่อมโยงหน่วยงานเกี่ยวข้องผ่านกลไกของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด โดยมีทั้งข้อมูลสถานการณ์น้ำ การประเมินพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ประกาศแจ้งเตือนต่างๆ เพื่อแจ้งไปยังอำเภอ ท้องถิ่น ประชาชน และหน่วยงานในพื้นที่ได้โดยตรง ซึ่งนอกจากจะส่งผ่านข้อมูลข่าวสารแล้ว ยังเป็นการติดตามผลการวิเคราะห์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย และเป็นการติดตามผลการปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการลดผลกระทบให้ประชาชนได้โดยเร็ว ขณะเดียวกัน ภาคประชาชนยังสามารถแจ้งข้อมูลพื้นที่ประสบภัย การขอรับการช่วยเหลือได้ทันที ทั้งการแจ้งจุดประสบภัย ภาพถ่ายที่เป็นปัจจุบันมายังกลุ่มไลน์นี้ เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารและเชื่อมโยงข้อมูลในการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐได้ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
ด้าน เลขาธิการ ศอ.บต. เผยว่า ศอ.บต. พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการทำงานที่ยั่งยืน ช่วยหนุนเสริม เติมเต็ม ทุกส่วนราชการเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ร่วมบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเชื่อมโยงข้อมูลนำมาคาดการณ์และวิเคราะห์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำในลำน้ำ แหล่งเก็บกักน้ำ พื้นที่น้ำหลาก เพื่อเตรียมความพร้อมและบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤตให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ที่สำคัญได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรายงานและแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด