เข้ามากุมอำนาจเบ็ดเสร็จหลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 นานกว่า 5 เดือนแล้วโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.) ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ิ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย
วัน นี้มีความมั่นใจสูงว่าสามารถกุมสภาพสถานการณ์ภายในประเทศได้อยู่หมัด จึงเริ่มกางโปรแกรมเดินสายออกโรดโชว์เปิดตัวบนเวทีนานาชาติ หวังจะกล่อมให้ต่างชาติเห็นคล้อยว่าประเทศไทยสามารถเดินหน้าไปได้ แม้วันนี้ยังไม่มีประชาธิปไตย โดยใช้ประเทศพม่าเป็นเวทีเปิดตัวประเทศแรก นำคณะใหญ่เดินทางไปเยือนสหภาพเมียนมาร์อย่างเป็นทางการ
ต่อด้วยคิวเหินฟ้าข้ามทวีปเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย–ยุโรป หรือ“อาเซม” ครั้งที่ 10 ณ นครมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่ง“นายกฯตู่”แสดง อาการปลาบปลื้มในผลสำเร็จ ที่ได้กระทบไหล่บรรดาผู้นำประเทศระดับบิ๊กๆ โดยคิวต่อไปคือประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างมาเลเซีย
ขณะที่การเมืองไทยภายใต้โรดแม็ปคสช. ที่เดินเข้าสู่ระยะที่ 2 มา ซักระยะ ภายใต้การขับเคลื่อนขององคาพยพย่อยอย่าง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายใต้กรอบการปฏิรูป 11 ด้านของคสช. เพื่อเดินเข้าสู่โรดแม็ประยะที่ 3 ซึ่งถือเป็นระยะสุดท้ายในราวเดือนส.ค.2558 แต่สิ่งที่ฝ่ายผู้รักประชาธิปไตยวาดหวังว่าจะได้อำนาจกลับคืน หรือจะมีการเลือกตั้งกันอีกครั้งในช่วงราวเดือนต.ค.2558 นั้น อาจต้องเลื่อนไปเป็นต้นปี 2559 โน่น ตามสัญญาณที่ถูกส่งออกมาจาก “เนติบริกรชั้นอ๋อง”อย่าง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ของรัฐบาลคสช.
ช่วง นี้จึงถือว่าอยู่ในระยะกลางของโรดแม็ปคสช. ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และเป็นช่วงสำคัญของกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย เมื่อมีสปช.แล้วก็ต้องตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 36 คน มาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉับใหม่ คาดว่าราวๆต้นเดือนพ.ย.นี้ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะคลอดออกมาให้ได้เห็นหน้าค่าตากัน ซึ่งแน่นอนว่า 36 อรหันต์ที่จะมีทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ ถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว โดยมี “เนติบริกรน้องเล็ก” นาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาเป็นหัวหน้าพ่อครัวชุดยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ เพื่อเดินตามโปรแกรมที่จัดวางเอาไว้ต้องยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้ว เสร็จภายใน 4 เดือน ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่ระบุไว้
แต่ยังไม่ทันจะลงมือร่างพิมพ์เขียว บรรดาขาประจำที่เข้ามาเป็นสปช. ก็ออกวาดลวดลายโชว์กึ๋น ออกแบบพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญให้กับกรรมาธิการยกร่างฯกันเสร็จสรรพ ตั้งธงกีดกันล้างบางกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับระบอบทักษิณ ไม่ให้เข้ามามีส่วนเอี่ยวกับการเมืองไทย ทั้งเรื่องที่มานายกรัฐมนตรีอาจจะไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง คือเอามาจากคนนอกได้เลย หรือมีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง รวมไปถึงที่มาของ ส.ส. และส.ว. ว่ากันไปไกลเลยทีเดียว แม้นายวิษณุจะออกมาตั้งโจทย์ 3-4 ข้อ ให้กับคณะกรรมาธิการยกร่างฯไปคิด ทั้งประเด็นที่มาของนายกฯ ที่มาของส.ส. จะยุบหรือไม่ยุบองค์กรอิสระบางองค์กร หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจซ้ำซ้อนกันอาจจะต้องยุบมารวมกัน พร้อมกับเน้นย้ำว่ารัฐธรรมนูญใหม่ต้องเขียนให้ละเอียดรอบคอบ เพราะจะเป็นทางหนึ่งที่พอจะมองเห็นว่าการปรองดองจะสำเร็จหรือไม่
ส่วนฟากสนช.ที่แปลงร่างมาจากกลุ่ม 40 ส.ว.เดิม ก็พยายามเร่งเกมทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม หวังใช้อำนาจในมือตัวเอง “ถอดถอน”นักการ เมืองขั้วตรงข้าม หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชงสำนวนถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพาณิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 เรื่อง ที่มาส.ว.โดยมิชอบ มายังสนช. เพื่อพิจารณาดำเนินการถอดถอนตามกระบวนการ ต่อด้วยคิวการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีจงใจปล่อยให้มีการ“โกง”ในโครงการรับจำนำข้าว หวังจะยืมมือสนช.จัดการเครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณให้สิ้นซาก หมดสิ้นไปจากเวทีการเมืองไทย
แม้ว่าเผือกร้อนที่ป.ป.ช.ส่งถึงมือสนช. จะมีกลุ่ม 40 ส.ว.เด้ง รับเร่งเกมถอดถอนโดยเร็ว แต่ดันมาเครื่องสะดุดจากการเตะสกัด โดยสนช.ที่มาจากสายทหาร ซึ่งการข่าวเชิงลึกระบุว่ามีการหารือกันอย่างหน้าดำคร่ำเคร่งในกลุ่ม “3 ป” ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งทีมบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุ พงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมถึงระดับฝ่ายเสนาธิการของคสช. ซึ่งเห็นพ้องกันว่าไม่อยากจะเปิดศึกหลายด้าน และไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อมตั้งแต่ยังไม่ตั้งไข่ปฏิรูป
แม้ว่า วันนี้จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียว อนาคตข้างหน้าไม่มีใครลิขิตได้ จึงต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้ โดยอ้างรัฐธรรมนูญ 50 ถูกฉีกไปไม่มีสภาพบังคับใช้ แล้ว จึงมีแนวโน้มว่าสนช.ซีกทหารจะตัดสินใจมีมติไม่ถอดถอน หวังจะรักษาบรรยากาศแห่งการปรองดองเอาไว้ตามที่ คสช.ต้องการ จึงเล่นเกม“ยื้อเวลา” ต้องร้องเพลง“รอ”ไปถึงเดือนพ.ย. ค่อยมาว่ากันใหม่ โดยยกข้ออ้างว่ายังไม่ได้ศึกษารายละเอียดของสำนวนซึ่งมีหลายพันหน้า
เพียงแค่นี้… ก็จับอาการคลื่นใต้น้ำ โรดแม็ปปฏิรูปประเทศเดินหน้าเข้าสู่การปรองดอง อาจจะไม่สงบราบรื่นดั่งที่“นายกฯตู่”ต้องการ เพราะถ้ายังปล่อยให้กลุ่มขาประจำเล่นกันฟรีสไตล์แบบนี้ ก็เชื่อขนมกินได้ว่าขั้วตรงข้ามก็พร้อมที่จะก่อหวอด ทำให้โรแม็ปของคสช.สะดุด
จึงเป็นงานหนักของคสช.และ“นายกฯตู่” ที่ จะต้องคุมเกมให้อยู่ เพราะอย่างที่บอกช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของกระบวนการปฏิรูปประเทศ หากมีสิ่งใดมาทำให้เกิดอาการสะดุด ย่อมไม่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับรัฐบาลและคสช.แน่
ประกอบกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ที่ยังอยู่ในช่วงหัวทิ่มลง แม้รัฐบาลจะเร่งเข็นมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 เพื่อ พยายามประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ แต่โจทย์หินที่ตั้งไว้ว่ามาตรการเหล่านี้จะต้องไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่จากหลายๆมาตรการที่ออกมา ทั้งโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราไร่ละ 1,000 บาท เช่นกัน หลายเสียงก็วิพากษ์วิจารณ์ตรงกัน ไม่ว่าจะพลิกดูมุมไหนยังงัยก็เป็น“ประชานิยม” ของแสลง“นายกฯตู่” ที่พยายามออกตัวว่าเป็นนโยบาย“ไทยนิยม”
บรรยากาศที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นสนช.-สปช.ขาประจำ ออกมาปล่อยของ ตีธงสกัดทำลายล้างนักการเมืองขั้วตรงข้าม กระเหี้ยนกระหือรือจะใช้อำนาจถอดถอนนักการเมืองเครือข่ายใกล้ชิดพ.ต.ท. ทักษิณ โดยที่ทั้ง สปช.-สนช.ต่างก็เป็นผลผลิตของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ที่ ต้องการให้มาจัดระเบียบปฏิรูปประเทศ เพื่อเดินไปสู่ความปรองดอง กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ เกิดกระแสไม่ยอมรับการปฏิรูปทุกอย่างก็จบ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์ใหญ่ของ“บิ๊กตู่” ต้องรีบออกมาคุมเกม ให้ทุกอย่างเดินอยู่ในร่องในรอย เพราะยังไม่ทันจะเริ่มต้น ก็มีสปช.บางคนก็ออกมาโต้สวนแล้วว่า ไม่ใช่“เบ๊”ที่“บิ๊กตู่”จะสั่งซ้ายหันขวาหัน เหมือนสั่งกำลังพลในกองทัพได้
รวมไปถึงคลื่นใต้น้ำที่ถูกสกัดกั้นทุกทาง นักวิชาการที่ถูกปิดปาก ห้ามพูด ห้ามวิจารณ์ ห้ามจัดเวทีเสวนา หรือแม้แต่“คนใน”ก็ตาม พร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ
ตอนนี้“นายกฯตู่-คสช.” จึง เผชิญกับความท้าทายทั้งภายในภายนอก คำถามก็คือจะสามารถรับมือหรือคุมเกมได้หรือไม่ และจะสามารถเดินทางเส้นทางโรดแม็ปที่วางไว้ได้หรือไม่
เป็นเรื่องที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ….!!!