สำนักข่าวเพรสทีวีของ อิหร่านรายงานระบุ นักวิจัยชาวอเมริกันกล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบต่อการที่เครื่องบินโดยสารของรัสเซียตกในอียิปต์สัปดาห์นี้
เมื่อ วันเสาร์ (31 ต.ค.) เครื่องบินแอร์บัส เอ 321 แตกกระจายกลางอากาศและตกลงในคาบสมุทรซีนายของอียิปต์ ทำให้ผู้ที่อยู่บนเครื่อง 224 คนเสียชีวิตทั้งหมด
กำลังมีการสืบสวน เพื่อค้นหาว่าหายนะภัยทางอากาศครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร อย่างไรก็ตามสาย การบินนี้กล่าวว่า ความผิดพลาดทางเทคนิคหรือความผิดพลาดของมนุษย์ไม่สามารถจะเป็นสาเหตุของ โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกครั้งนี้ได้
“ข้อมูลใหม่จากแหล่งข่าวที่มีความ เชื่อมโยงกับซีไอเอรายงานว่า สหรัฐฯ เพิ่งจะขายเรือให้แก่อียิปต์เพื่อแลกเปลี่ยนกับฐานเครื่องบินโดรนและเงิน” เจมส์ เฮนรี่ เฟตเซอร์ นักข่าวของ Veterans Truth Network และศาสตราจารย์ปลดเกษียณในเมืองเมดิสัน รัฐวิสคอนซิน กล่าว
“เครื่อง บินโดรนชุดใหม่นี้สามารถปฏิบัติการได้สูงถึง 45,000 ฟุต ข้อมูลใหม่นี้ทำให้มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้นว่าสหรัฐฯ เป็นผู้ต้องรับผิดชอบในการใช้ขีปนาวุธจากอากาศสู่อากาศที่ยิงจากโดรนลำหนึ่ง จากโดรนชุดใหม่เหล่านี้ หรือแม้แต่ด้วยการทำให้เกิดการชนกันกลางอากาศ” เขาบอกกับ Press TV ในการสัมภาษณ์ทางอีเมล
“เรื่องนี้จะเป็นการยืนยัน ยิ่งขึ้นไปถึงการตีสองหน้าของรัฐบาลและความเต็มใจที่จะสละชีวิตของพลเรือน ผู้บริสุทธิ์เพื่อส่งเสริมวาระทางการเมืองของตนในฐานะรัฐก่อการร้ายระดับแนว หน้าของโลก” เขาระบุ
กลุ่มนักรบอียิปต์ที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่ม ก่อการร้ายดาอิช (ไอซิส) กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ตนได้สอยเครื่องบินลำนั้น “เพื่อตอบโต้การโจมตีทางอากาศของรัสเซีย” ในซีเรีย แต่เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวว่า มันเร็วไปเกินไปที่จะบอกว่าอะไรเป็นสาเหตุของเครื่องบินตก
เมื่อวัน ที่ 30 กันยายน รัสเซียได้เริ่มปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มนักรบในซีเรีย มอสโกได้ทำการโจมตีทางอากาศหลายต่อหลายครั้ง สังหารผู้ก่อการร้ายไปหลายร้อยคน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ไม่ระบุชื่อบอกกับสำนักข่าวเอพีว่า รัสเซีย ได้สั่งการให้ปฏิบัติการทางทหารของตนบางส่วนโจมตีกลุ่มทหารที่สหรัฐฯ หนุนหลัง และกลุ่มหัวรุนแรง อื่นๆ ด้วยความพยายามที่จะทำให้พวกเขาอ่อนแอลง
พวก เขากล่าวว่า กลุ่มนักรบที่ได้รับการฝึกฝนจากซีไอเอ ถูกรัสเซียโจมตีโดยมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้สนับสนุน ชาวอเมริกันของพวกเขา
ซีไอเอจัดหาขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานให้แก่ไอซิส
“การ ที่เครื่องบินดิ่งลงมาเกือบจะทันทีโดยไม่มีการแจ้งหรือการรายงานข้อมูลอื่น ใดเลย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเครื่องบินระเบิดออกเป็นชิ้นส่วนโดยระเบิดที่อยู่ ภายในเครื่องบิน หรือไม่ก็อาจจะเป็นไปได้มากกว่าว่า โดนขีปนาวุธจากพื้นดิน” ศาสตราจารย์เฟตเซอร์กล่าว
“เครื่องบินอยู่ที่ความสูง 30,000 ฟุต ซึ่งหมายความว่าขีปนาวุธจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยมากๆ” เขาระบุ
“ถ้าไอซิซ (ไอซิล) เป็นผู้รับผิดชอบ มันก็จะเชื่อมโยงกลับไปยังการโจมตีอาคารของซีไอเอในเบนกาซีได้เป็นอย่างดี ซึ่งบางแหล่งข่าวอธิบายว่าซีไอเอกำลังจะขนย้ายขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน” ให้แก่กลุ่มนักรบที่กำลังต่อสู้กับรัฐบาลซีเรีย เขากล่าว
“ตอนนี้เรา รู้แล้วว่า แท้ที่จริงแล้วพวกมันทั้งหมดถูกสร้างขึ้นและได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ ที่มีการเสแสร้งอย่างเหลือล้นในการอ้างว่าจะทำการต่อต้านไอซิซ เรามีแม้แต่ภาพถ่ายของสมาชิกไอซิซที่มีรอยสัก ว่า ‘US ARMY’ มันช่างน่าอาย” เขากล่าวเสริม
การโจมตีก่อการร้ายต่ออาคารทางการทูตของ สหรัฐฯ ในเมืองเบนกาซีของลิเบียเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2012 ทำให้นักการทูตสหรัฐฯ สี่คน รวมทั้งเอกอัครราชทูตคริส สตีเว่นส์ เสียชีวิต
ตาม การรายงานของ CNN เจ้าหน้าที่ซีไอเอมากถึง 35 คน กำลังทำงานอยู่ในเบนกาซีระหว่างการโจมตีครั้งนั้น แต่ไม่เคยมีรายงานว่าพวกเขาเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บกี่คน
“ความ เข้าใจของผมก็คือ คริส สตีเว่นส์ ทูตสหรัฐฯ ต้องการที่จะเอาขีปนาวุธเหล่านั้นกลับคืนมา เพราะกังวลว่ามันอาจจะตกไปอยู่ในมือที่ไม่ถูกต้อง” เฟตเซอร์กล่าว
“ความ กังวลเหล่านี้ดูเหมือนจะมีสาเหตุที่ดี เพราะสหรัฐฯ ขาดความรับผิดชอบอย่างยิ่งโดยการส่งอาวุธทุกประเภทให้กับกลุ่มใดก็ตามที่ แสดงตัวว่าส่งเสริมวัตถุประสงค์ตามนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ การยิงสายการบินพลเรือนเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบอย่างหนึ่ง มันวิปริตจริงๆ” นักวิเคราะห์ผู้นี้กล่าว