ไทยสร้างไทยเปิดตัว “กัณวีร์ สืบแสง” อดีตหัวหน้าสำนักงาน UNHCR ลงสมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ

“คุณหญิงสุดารัตน์” เปิดตัว ” นล – กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang” อดีตหัวหน้าสำนักงาน UNHCR ลงสมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ และคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม พรรคไทยสร้างไทย ชูนโยบายสันติภาพกินได้และด้าน “กัณวีร์” ชู “คุณหญิงสุดารัตน์” เป็นผู้นำประเทศไทยสู่สันติภาพที่แท้จริง

สำหรับนายกัณวีร์ ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์การทำงานด้านมนุษยธรรมจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ United Nations High Commissioner for Refugees หรือ UNHCR ผ่านการทำงานในช่วงเวลา 12 ปี ใน 8 ประเทศ เช่น ประเทศซูดาน ,ซูดานใต้ ,ยูกันดา,บังคลาเทศ, เมียนมา และประเทศไทย ที่ดูแลปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบชาวเมียนมาในไทย และล่าสุดจบภารกิจในตำแหน่ง หัวหน้าสำนักงานภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ UNHCR ประจำประเทศเมียนมา และก่อนหน้านั้น เคยรับราชการในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในสำนักความมั่นคงกิจการชายแดนและการป้องกันประเทศ

นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า เหตุผลที่อยากมาทำงานการเมือง เพราะอยากจะนำประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้คนเหล่านี้ มาร่วมสร้างไทย ซึ่งการตัดสินใจสำคัญมาจากระหว่างทำงานอยู่ที่สำนักงานเมืองพะอัน เมียนมา ในวันที่ 4 ก.ค.เห็นการเปิดตัวพรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้ฟังแล้วชื่นชอบนโยบายพรรค โดยเฉพาะนโยบายสำคัญที่พูดถึง 4 คำสำคัญคือ liberate, empower, facilitate, support ทำให้มีหวังกับการเมืองไทย จึงอยากกลับมาทำงานการเมือง เพราะ 4 คำนี้จะแปลงไปสู่การปฎิบัติได้ ที่จะปลดปล่อยประชาชนจากรัฐราชการ โดยการเสริมอำนาจให้กับคนเล็กคนน้อย ที่สามารถชะตาชีวิตตัวเองได้ในทางการเมือง โดยรัฐมีหน้าที่อำนวยความสะดวกและสนับสนุนประชาชนคนไทย ที่ให้เข้าถึงระบบสาธารณะให้ได้

“ผมสร้างโลกมา 12 ปีแล้ว ไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่นมาหลายประเทศ ในพื้นที่สงครามความขัดแย้ง ทั้งสงครามกลางเมือง และสงครามความอดอยาก ทำให้ผมอยากกลับมาช่วยคนตัวเล็กตัวน้อย ให้กำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ จึงอยากจะมาทำงานการเมืองไทย และนำประสบการณ์ของผมที่อยากทำงานด้านสันติภาพ ที่ต้องการเห็นสันติภาพกินได้ และต้องการนำมนุษยธรรมมานำการเมือง “

สำหรับนโยบาย สันติภาพกินได้ หมายถึง การสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนจะเป็นไปได้ ต้องเริ่มจากการวางรากฐานที่มั่นคงในชีวิตของคนตัวเล็กตัวน้อยจำนวนมากในระดับฐานราก ซึ่งเกี่ยวพันกับการทำให้ผู้คนกินอิ่ม นอนหลับ และได้รับการเสริมอำนาจในการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ อย่างสอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมและไม่ทำลายฐานทรัพยากรที่เป็นต้นทุนสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชน เพื่อให้อำนาจทางเศรษฐกิจกระจายไปอยู่ในมือคนตัวเล็กตัวน้อยและชุมชนฐานรากกระทั่งพวกเขาสามารถร่วมกำหนดอนาคตตามความฝันของตนเองได้ไม่น้อยไปกว่าทุนขนาดใหญ่ ข้าราชการ และคู่ขัดแย้งในการเมืองแต่ละระดับ

ส่วนนโยบายมนุษยธรรมนำการเมือง เราต้องเปลี่ยนการเมืองที่ติดกับดักความขัดแย้งมาหลายปีให้เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์โดยใช้หลักมนุษยธรรมนำหน้า หลักที่ว่านี้คือการคำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลางในการพิจารณา การเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายผลประโยชน์ต่างๆ การจัดลำดับความสำคัญ เนื่องจากทรัพยากรที่มีจำกัดเมื่อเทียบกับปัญหาต่างๆ และสุดท้ายการเป็นอิสระไม่ผูกติดกับกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งสิ่งเดียวที่เราเป็นอิสระไม่ได้คือ “ประชาชน”

“การทำงานด้านมนุษยธรรม เป็นการทำงานในภาวะฉุกเฉิน การใช้หลักมนุษยธรรมนำการเมือง แสดงว่าการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินแล้ว เราผ่านความขัดแย้งมายาวนาน จำเป็นต้องหาหลักการอันใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลง เราเห็นระบบราชการนำการเมืองไทย โดยผ่านการรัฐประหารที่ซ้ำซ้อน ต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งการนำหลักมนุษยธรรมที่ให้คุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มองประชาชนเป็นศูนย์กลางนี่แหละครับ จะนำการเมืองไทยออกจากวิกฤตนี้ และคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นผู้นำที่จะนำไทยออกจากวิกฤตการเมืองนี้ได้”

“ผมเป็นคนชอบการเมืองมาตั้งแต่เด็กที่เรียนด้านรัฐศาสตร์ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เคยผิดหวังและหมดหวังกับการเมืองไทย เพราะคิดว่าอาจทำอะไรไม่ได้ เพราะรับราชการมาหลายปีคิดว่าจะทำงานเพื่อประชาชนได้ แต่ผมเกิดโตมาในช่วงรัฐประหารมายาวนาน จากรัฐราชการ ที่ทำอะไรเพื่อประชาชนได้ไม่มาก จึงตัดสินใจสมัครไปทำงาน UNHCR ไปสร้างโลกให้คนที่หนีตายจากระบบที่ล่มสลาย ไปช่วยกลุ่มคนกว่า 60 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งผมได้ช่วยสร้างระบบสังคมเศรษฐกิจ ครอบครัวให้กับคนเหล่านั้นจากลบกลายเป็นบวก”

นายกัณวีร์ เชื่อมั่นว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นผู้นำที่จะนำประเทศไทย ออกจากความขัดแย้งไปสู่สันติภาพที่แท้จริงได้ จึงตั้งใจมาทำงานร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย

นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า ก่อนจะเปิดตัว ได้ขอคุณหญิงสุดารัตน์ ที่จะลงทำงานในพื้นที่เขตสวนหลวง-ประเวศ เพราะเห็นว่า ก่อนที่จะมาเสนอตัวเป็นผู้แทนราษฏรต้องเข้าไปเป็นครอบครัวของชาวสวนหลวง-ประเวศ เสียก่อน จึงได้เริ่มไปทำความรู้จักผู้นำชุมชน และรู้จักพื้นที่ให้ได้มากที่สุด จนพบว่า เขตสวนหลวงมีศักยภาพมากมายที่จะพัฒนา โดยพบว่า เขตสวนหลวง เป็นเมืองแห่งคลอง ที่มีชุมชนริมคลองที่กลายเป็นวิถีชีวิตที่จะส่งเสริมทั้งการสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นประวัติศาสตร์ชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ และในหลายพื้นที่ยังประสบปัญหาที่ตั้งใจจะทำงานในทันที เช่นจะนำประสบการณ์จากการทำงานด้านสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตั้งทีมฉุกเฉินในการช่วยเหลือประชาชน เป็นนโยบาย ที่เรียกว่า “Health & Wealth” ที่ ความต้องการของประชาชนกลุ่มนี้จะต้องได้รับการตอบสนองในเรื่องการเข้าถึงสุขภาพที่ดี การมีระบบบริการทางการแพทย์ในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างทันท่วงทีซึ่งพร้อมเข้าไปหาตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรมเศรษฐกิจที่สามารถต่อยอดรายได้ของพวกเขาให้มั่งคั่งได้มากขึ้น

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า นายกัณวีร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ กรุงเทพมหานคร ขณะนี้ได้เข้ามาทำงานในคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ของพรรคไทยสร้างไทยช่วงที่ผ่านมา

“ประสบการณ์และความตั้งใจที่จะมาเป็นผู้แทนราษฎร ของคุณกัณวีร์ จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ทั้งในเขตพื้นที่สวนหลวง-ประเวศ ที่พรรคส่งลงสมัคร ส.ส.และการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม ที่ตั้งใจชูนโยบายสันติภาพกินได้และมนุษยธรรมนำการเมือง ซึ่งจะเป็นอีกนโยบายสำคัญของพรรคไทยสร้างไทย”