อเมริกันอันตราย! “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” จุดกระแสคนไทยขับไล่สหรัฐฯ โวยรัฐบาล “ประยุทธ์” ตกเป็นเครื่องมือต้านจีน หวั่นชักศึกเข้าบ้าน

เวทีสาธารณะในหัวข้อ "อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน" คัดค้านยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ที่ดึงไทยเป็นพันธมิตรต่อต้านจีน เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร / ภาพ ยูซุฟ อาลี โต๊ะหวัง

เจาะลึก! อเมริกันอันตราย ลากไทยเป็นเครื่องมือต่อต้านจีน ภายใต้เงายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกจุดกระแสคนไทยขับไล่สหรัฐฯ โวยรัฐบาลบิ๊กตู่แอบลงนามอนุสัญญา หวั่นชักศึกเข้าบ้าน ก่อหายนะประเทศ

แยงกี้ โก โฮม” (YANKEE GO HOME!) “อเมริกันกลับบ้านไปซะ!” ประโยคขับไสไล่ส่งกึ่งดูแคลนนี้ เคยถูกชูหราบนป้ายประท้วงในการชุมนุมโดยเยาวชนหนุ่มสาวหลายประเทศ ด้วยความเกลียดขี้หน้า โกรธแค้น หรือคัดค้านการปรากฏตัวทางทหารของสหรัฐฯ ในพื้นที่ต่างๆ

ในวันนี้เสมือนว่ากระแสต่อต้านนโยบายสหรัฐฯ ทำนองนั้นจะค่อยๆ ถูกจุดให้ลุกโชนในประเทศไทย โดยมีต้นเหตุจากยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ของสหรัฐฯ ที่มุ่งดึงไทยและชาติอาเซียนเป็นเครื่องมือของตนในความพยายามต่อต้านจีน’ 

ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯคืออะไร?

ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกคือหนึ่งในมาตรการหลักภายใต้ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Security Strategy of the United States of America – NSS) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ชาติระยะยาวที่ถูกประกาศในปี 2017 ยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ประธานาธิบดีทุกสมัยจะต้องดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและมหายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกนี้ โดยแต่ละคนอาจมีการตีความขอบเขตการดำเนินการทางยุทธศาสตร์และมีเครื่องมือในการดำเนินยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกัน

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทำเนียบขาว โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เผยแพร่เอกสารยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา’ (INDOPACIFIC STRATEGY OF THE UNITED STATES)

เอกสารนี้ชี้ชัดว่า สหรัฐฯ ภายใต้การนำของไบเดน จะกลับมาทวงคืนบทบาทในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เพื่อฟื้นฟูความเป็นผู้นำของอเมริกา หวังจัดระเบียบใหม่ ขณะเดียวกันเนื้อความที่ปรากฏในเอกสารอย่างชัดเจนก็ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังมองจีนในฐานะภัยคุกคามของภูมิภาคดังกล่าว

ดังนั้นยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ จึงไม่ใช่อื่นใด เว้นแต่มีสาระสำคัญอยู่ที่การมุ่งเน้นจับมือกับพันธมิตร สร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับเอเชีย เพื่อเผชิญความท้าทายจากประเทศจีน  ตีกรอบจำกัดอิทธิพลของจีนต่อโลก ซึ่งหลังการแผ่ขยายอำนาจของจีนได้สร้างความท้าทายอย่างใหญ่หลวงต่อสหรัฐฯในหลายด้าน

ในเอกสารนี้ นอกจากระบุว่าจีนเป็นภัยคุกคามของภูมิภาค ไปจนย้ำว่าสหรัฐฯ จะรับประกันความมั่นคงของไต้หวัน อินเดีย และออสเตรเลียซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคู่ขัดแย้งของจีน เอกสารยังมีการระบุชัดเจนถึงความสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ‘ยังระบุชัดถึงไทยในฐานะพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ

ทำไมต้องต่อต้าน?

ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกที่สหรัฐฯเป็นเจ้ามือใหญ่ มี ‘กลุ่มควอด’ (Quad) เป็นแกนหลักในภาคพื้นมหาสมุทรอินเดียประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย

และมีกลุ่ม ‘ออคัส’ (AUKUS) เป็นแกนหลักในภาคพื้นแปซิฟิกประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น

‘กลุ่มควอด’ และ ‘ออคัส’ จึงเหมือนปีกซ้ายปีกขวาของสหรัฐฯ โดยมีอาเซียนเป็นศูนย์กลาง

สหรัฐฯ กำหนดแผนการตั้งกลุ่มพันธมิตรยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกในส่วนที่เกี่ยวกับอาเซียน โดยกำหนด 6 ประเทศหลัก คือ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์

สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการลงนามข้อตกลงเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการก่อตั้งพันธมิตรไทย-สหรัฐฯตามยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก มีการเผยแพร่ข้อตกลงนั้นในเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐฯโดยที่คนไทยและรัฐสภาไทยไม่เคยรับรู้มาก่อนเลย

หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงนามในข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ แล้ว เว็บไซต์ผู้จัดการยังรายงานข่าวว่าหลังจากนั้นไม่นาน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้หารือกับนายอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเกี่ยวกับการที่ญี่ปุ่นจะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรในยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกกับไทยด้วย

การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรของไทยตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ นั้นกระทบกับประเทศจีนโดยตรงและมากที่สุดเพราะเป็นยุทธศาสตร์เพื่อการต่อต้านจีนและอาจถึงขั้นสงครามกับจีนด้วย

เหตุนี้ประชาชนไทยกลุ่มหนึ่งจึงได้ออกมาคัดค้านอย่างรุนแรงและกว้างขวางมากขึ้นทุกวัน เพราะเกรงว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์กำลังชักศึกเข้าบ้าน ก่อหายนะให้ประเทศ และอาจทำให้ไทยเป็นตำบลกระสุนตกกลายเป็นยูเครนแห่งอาเซียนก็ได้

ใครคือแกนนำปลุกต้านสหรัฐ

‘นายสนธิ ลิ้มทองกุล’ ผู้ก่อตั้งนสพ.เครือผู้จัดการและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ชื่อเสียงในฐานะแกนนำคนสำคัญของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’  เป็นคนแรกๆ ที่ออกมาแฉเรื่องการลงนามในอนุสัญญาระหว่างไทย-สหรัฐฯ เพื่อเป็นพันธมิตรตาม ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก’ นี้

กระแสคัดค้านกว้างขวางมากขึ้นโดยการขยายผลของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตรวงษ์สุวรรณ) อุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทยจีน ทนายนกเขานิติธร ล้ำเหลือแกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) กับตู่จตุพร พรหมพันธ์ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเครือข่าย

โดยเฉพาะ ทนายนกเขานิติธร ล้ำเหลือกับตู่จตุพร พรหมพันธ์’ อดีตไม้เบื่อไม้เมาคู่กัดทางการเมืองที่มีจุดยืนคนละขั้วถึงขั้นสลัดสีเสื้อ ยุติความขัดแย้ง หันมาร่วมหารือ สมานฉันท์เพื่อแผ่นดิน จัดตั้งกลุ่มที่มีพันธกิจสำคัญต่อต้านสหรัฐฯ พร้อมคัดค้าน พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ในการลงนามในอนุสัญญายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกนี้

ปัญหาภายใน ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาเศรษฐกิจ คนไทยต่างได้ซึมซับจากการบริหารงานของพล..ประยุทธ์ แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ การนำพาประเทศไปเสี่ยงภาวะสงคราม โดยอนุสัญญายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ของสหรัฐอเมริกา เพื่อต่อต้านประเทศจีนนั้น ประเทศไทย ไม่ควรอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ตู่จตุพร กล่าวในการแถลงร่วมกับทนายนกเขาหลังหารือสถานการณ์ประเทศสมานฉันท์เพื่อแผ่นดินไทย สานสามัคคีทุกฝ่าย เพื่อรับมือภัยของชาติ และร่วมกันต้านภยันตรายจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 28 เม..2565

ก่อนหน้ามีกระแสข่าว รัฐบาลปล่อยให้สหรัฐ ใช้พื้นที่จ.เชียงใหม่ ตั้งฐานยิงขีปนาวุธ ทางการจีน ได้ติดตามสถานการณ์ เพราะหากให้ตั้งฐานใดๆ อันไม่ปลอดภัยต่อประเทศเขา เวลายิงกลับมาไม่ได้ยิงใส่ อเมริกา แต่จะยิงใส่จ.เชียงใหม่ และประเทศไทย ดังนั้นเราต้องออกจาก อินโดแปซิฟิก อย่าชักศึกเข้าไทย สร้างหายนะ เรื่องนี้สำคัญกว่าความเป็นอยู่ของประยุทธ์

การชักศึกเข้าไทย เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด การอยู่หรือไปของประยุทธ์ เป็นเรื่องเล็ก เพราะฉะนั้นกลไกของรัฐ ถ้าเกิดขึ้น น้ำหน้าอย่างคุณ ไม่มีวันรักษาประเทศไทยได้ ถ้ารักชาติบ้านเมือง สละความเป็นอินโดแปซิฟิก อธิบายอเมริกา เราเป็นมิตรทุกประเทศ จะไม่ยอมให้ไทย เป็นฐานเพื่อยิงขีปนาวุธ ไปโจมตีใครตู่จตุพร กล่าวในการแถลงวันนั้น

ทนายนกเขานิติธร ล้ำเหลือกับตู่จตุพร พรหมพันธ์ยังมีแรงหนุนหลังจากเครือข่ายต่างๆ โดยเฉพาะจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่หวั่นว่าการลงนามในอนุสัญญายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของพล..ประยุทธ์จะนำพาประเทศไปเสี่ยงภาวะสงคราม

เวทีสาธารณะในหัวข้อ “อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน” คัดค้านยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ที่ดึงไทยเป็นพันธมิตรต่อต้านจีน เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร / ภาพ ยูซุฟ อาลี โต๊ะหวัง

อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้านเวทีประเดิมต้านสหรัฐฯ ค้านรัฐไทยทำตัวลูกไล่

หลังหารือสถานการณ์ประเทศ ระหว่างทนายนกเขากับตู่จตุพรและจับมือร่วมกัน เวทีสาธารณะในหัวข้อ “อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้านก็ถูกจัดประเดิมเป็นเวทีแรก เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 

โจ ไบเดน พยายามหว่านล้อมให้ทุกคนเข้ามาร่วมใน ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก เพื่อมาต้านประเทศจีนคำพูดของนายสนธิ ลิ้มทองกุลที่เคยพูดในรายการสนธิทอล์ก ถูกตัดมาเป็นคลิปวิดีโอนำมาเผยแพร่ในเวทีนี้

ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกเมื่อมองให้ลึก มันไม่ใช่ยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนา หรือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจใดๆ ทั้งสิ้นนายสนธิ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและผู้ก่อตั้งนสพ.เครือผู้จัดการ เน้นย้ำและอธิบายว่า แท้ที่จริงมันคือยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับที่เลขาธิการองค์การนาโตได้ประกาศว่านาโต้ควรขยายขอบเขตออกมาทางเอเชีย

องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ดูแลยุโรป แต่ตอนนี้ฮึกเหิม ร่วมกับสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ที่จะขยายอิทธิพลทางการทหารมาทางเอเชียแปซิฟิก โดยที่ทางยุโรปนั้นยันรัสเซียไว้ และทางเอเชียจะดึงประเทศอาเซียนเข้ามาเพื่อยันจีน

ในขณะเดียวกันสหรัฐ พยายามแบ่งแยกสมาชิกอาเซียนด้วยการสร้างประเด็นเชิงคุณค่า โดยพยายามแบ่งออกเป็นค่ายประชาธิปไตยกับค่ายเผด็จการโดยดึงค่ายประชาธิปไตยมาอยู่ข้างตนเอง โดยสร้างภาพว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่านายสนธิกล่าวเสริม

ขณะที่นายไพศาล พืชมงคล ซึ่งมาเป็นวิทยากรบรรยายบนเวทีอย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้านกล่าวว่า วันนี้ในทุกวงการทุกหมู่เหล่ากำลังพูดถึงนาโต้ 2” ซึ่งเขาต้องการชี้ว่ายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกเป็นส่วนหนึ่งของนาโต้ จนถูกเรียกว่านาโต้ 2”

การเอาประเทศไทยไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือการขายชาตินายไพศาลย้ำ

ประเทศไทยถ้าหากเข้าไปเกี่ยวข้องในนาโต้ 2 หรือยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ก็หนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นสนามรบ และเป็นสนามรบยิ่งกว่ายูเครนนายไพศาลกล่าวและเสริมว่าในยูเครนนั้นเป็นสงครามระหว่างนาโต้กับรัสเซีย อย่าคิดว่าเป็นสงครามแค่ระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกนั้นมีเป้าหมายคือ เพื่อการต่อต้าน เพื่อการตั้งตนเป็นศัตรู และอาจจะถึงขึ้นทำสงครามกับประเทศจีน ประเทศจีนจึงได้บอกกล่าวให้รมต.ต่างประเทศของไทยและอีก 4-5 ประะเทศทราบว่า จีนคัดค้านการตั้งนาโต้ 2” นายไพศาลกล่าว

ถอดบทเรียนอิมามโคมัยนีและอิหร่าน คิดสู้กับอเมริกาหน่อมแน้มไม่ได้

‘ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี’ ผู้นำศาสนาคนสำคัญของมุสลิมนิกายชีอะห์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอิหร่าน เป็นหนึ่งในวิทยากรที่ได้รับเชิญมาร่วมเสวนาบนเวที อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน” ที่ หอศิลปฯ

ในฐานะบุคคลที่มีบทบาทมาอย่างยาวนานในการต่อต้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ก้าวร้าวและครอบงำ ซัยยิดสุไลมานกล่าวว่า “ผมในนามของมุสลิมคนหนึ่ง ขอบคุณพระเจ้าในวันนี้ที่เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้น คือการที่จะทำอย่างไรให้คนไทยรู้ว่าอเมริกาคือปีศาจร้าย ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่มองอเมริกาเป็นฮีโร่”

ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี บนเวทีสาธารณะในหัวข้อ “อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน” คัดค้านยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ที่ดึงไทยเป็นพันธมิตรต่อต้านจีน เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร / ภาพ ยูซุฟ อาลี โต๊ะหวัง

ซัยยิดสุไลมานบอกว่า กรณี ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ของสหรัฐฯ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนไทยที่จะต้องหันมองอเมริกาเสียใหม่

“20 กว่าปีหลังจบการศึกษาจากอิหร่านที่ผมกับคณะได้ต่อสู้ในจุดยืนเรื่องนี้ ซึ่งในเวลานั้นเราถูกมองว่าเป็นพวกหัวรุนแรง คนไทยมองเราเป็นคนแปลกหน้า แต่วันนี้สถานการณ์ได้มาถึงจุดที่คนไทยเริ่มจะเข้าใจ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่วันนี้เราจะต้องเริ่มมองอเมริกากันเสียใหม่”

“ความแตกแยกในชาติก็มาจากอาวุธร้ายที่เขามอบให้กับพวกเราในนามประชาธิปไตย ผมไม่ได้ต่อต้านประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ประชาชาธิปไตยแบบที่ตะวันตกนำมามอบให้” ซัยยิดสุไลมานกล่าว

เขาย้ำว่า ในปัจจุบันและในอนาคตข้างหน้าแน่นอนว่าจะต้องเกิดขึ้น ที่ไทยต้องต่อสู้กับนโยบายที่รุกรานของสหรัฐอเมริกา ซึ่งการต่อสู้กับอเมริกานั้นจะต้องรู้ถึงธาตุแท้และยุทธศาสตร์ของอเมริกา โดยซัยยิดสุไลมานได้ยกการต่อสู้ของประเทศอิหร่านคู่กัดสหรัฐฯ และอิมามโคมัยนีผู้นำการปฏิวัติอิหร่านมาเป็นกรณีศึกษา

“เพราะเอาตามที่อิมามโคมัยนีได้กล่าวเอาไว้ อเมริกาก็คือมหาซาตาน” ซัยยิดสุไลมานกล่าว

“ช่วงปฏิวัติสำเร็จใหม่ๆ  ขณะที่ยังต้องต่อสู้กับกลุ่มต่อต้านภายในประเทศ ในเวลาเดียวกันอิมามโคมัยนีก็ยังต้องต่อสู้กับอเมริกา”

ซัยยิดสุไลมานเล่าว่า ปี 1979 อิหร่านประสบชัยชนะในการปฏิวัติและสถาปนารัฐบาลใหม่ ซึ่งตอนนั้นอยู่ในห้วงอ่อนแอที่สุด เพราะเป็นรัฐบาลที่เพิ่งตั้งไข่ แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ 6 เดือนก็มีคำสั่งให้ยึดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงเตหะราน มีการจับเจ้าหน้าที่สถานทูตขังไว้เป็นเวลา 444 วัน โดยไม่ได้เกรงกลัวอำนาจของเมริกาแม้แต่น้อย เพราะสหรัฐต้องการล้มรัฐบาลใหม่ และสนับสนุนชาห์ปาเลวี

“ตรงนี้อยากจะเน้นย้ำว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิวัติเพราะต่อต้านระบบกษัตริย์ แต่ประเทศอิหร่านปฏิวัติเพราะต่อต้านการกดขี่ วันนั้นชาห์ ปาเลวี เป็นแค่หุ่นเชิดของอเมริกาและสหรัฐกอบโกยน้ำมันของอิหร่านไปอย่างมหาศาล”

ซัยยิดสุไลมานระบุว่า การจะต่อสู้กับสหรัฐฯ นั้นต้องยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยว เหมือนกับที่ชาวอิหร่านทำ “เป็นความโชคดีของอิหร่านที่มีนักการศาสนาที่พร้อมจะสู้กับอเมริกาแบบถวายชีวิต ดังนั้นอยากเน้นว่าถ้าคิดสู้กับอเมริกาจะหน่อมแน้มไม่ได้”

นักการศาสนาคนสำคัญของมุสลิมไทยชี้ว่า 40 ปีที่อิหร่านโดยบอยคอตโดนแซงชั่นทุกทาง แม้แต่อิหร่านนำเสนอผลประโยชน์ให้กับโลก โลกก็ยังไม่กล้ารับ แต่ด้วยการยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวอิหร่านจึงสามารถฝ่าฟันพ้นการครอบงำของสหรัฐฯ มาได้ และก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลาง

“ที่อเมริการักไทยอย่างมากนับแต่สงครามอินโดจีน เพราะเราพร้อมให้ลูกหลานของเราไปตายเพื่อมัน ไม่ว่าสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม” ซัยยิดสุไลมานเตือนพร้อมระบุว่า การเข้าเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ตาม ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก’ ที่มีเป้าประสงค์ชัดเจนว่าเพื่อต่อต้านจีนนั้นเป็นภัยอันตรายที่ใหญ่หลวงสำหรับไทย

“ภัยอันตรายในครั้งนี้ ถือเป็นภัยอันตรายขั้นรุนแรง เพราะสงครามที่จะเกิดขึ้นใหม่ไม่ใช่แค่สงครามยิงสวนกันด้วยอาก้าหรือเอ็ม16 แต่เป็นสงครามที่ยิงสวนกันด้วยขีปนาวุธ โดยที่ไทยถูกใช้เป็นสนามรบ”

“การต่อสู้กับอเมริกาต้องการการเสียสละอย่างมากมาย เพราะอเมริกาฝังรากลึกในประเทศนี้ มีข้าราชการจำนวนมากรับผลประโยชน์จากอเมริกา ส่วนผมหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยนำเสนอให้ประเทศนี้ได้ผลประโยชน์ แต่ถูกข้าราชการเหล่านี้ปฏิเสธทั้งหมด เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะถ้าอิทธิพลของแนวคิดอื่นเข้ามา อิทธิพลของอเมริกาจะลดลง”

“อเมริกาไม่เคยหวังดีกับใคร ไทยเป็นแค่เครื่องมือ และเมื่อถึงเวลาเขาจะทิ้งอย่างแน่นอน” ซัยยิดสุไลมานกล่าว

ผมพยายามชี้ให้เห็นภัยของเมริกา และสองอย่าได้เกรงกลัวอเมริกา ผมเคยพูดกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนว่า ถ้าจะสู้กับอเมริกานั้น หนึ่งต้องมีศรัทธา สองต้องชาตินิยม คนไทยต้องมีความรักชาติ ชาติต้องมาก่อน ผมขอบคุณพระเจ้าที่ได้เห็นพี่น้องจากหลายๆ กลุ่มมาร่วมกัน”

“อเมริกาไม่ใช่ฮีโร่ แต่คือปีศาจ และจะทิ้งซากปรักหักพังไว้ให้แก่ชาติที่ตนได้เข้าไปกอบโกย และเป็นความพินาศทางวัฒนธรรม อารยะธรรรม ไม่ใช่ทางวัตถุเพียงอย่างเดียว” ซัยยิดสุไลมานกล่าว

‘ทนายนกเขา-จตุพร’ นำคนไทยประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ

หลังเสร็จสิ้นเวทีสาธารณะในหัวข้อ “อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน”  นายจตุพรได้ประกาศที่จะนำประชาชนไปประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐ ในวันที่ 12 พ.ค. เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกแถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐฯ และพันธกรณีจากแผน “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” ของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ไทยตกเป็นเครื่องมือของสหรัฐฯในการต่อต้านประเทศจีน และให้จี้ประยุทธ์ถอนลงนามในสัญญาความร่วมมือกับสหรัฐฯ

ทั้งนี้วันที่ 12 พ.ค. เป็นวันเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ‘ทนายนกเขา-จตุพร’ นำคนไทยประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ฉะ ‘ยุทธศาสตร์​อินโด-แปซิฟิก​’ มะกันใช้ไทยเป็นเครื่องมือต่อต้านจีน