สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำประเทศไทย ประณามนสพ.บางกอกโพสต์ กล่าวหาโดยไม่มีมูลและแพร่ข่าวเท็จ หลังสื่อไทยชื่อดังรายงานอ้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติออก “คำสั่งลับ” ให้ตำรวจทั่วประเทศติดตามการเคลื่อนไหวของชาวอิหร่านและชาวไทยมุสลิมที่สงสัยว่าทำงานเป็นสายลับในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ผู้นำชีอะห์ไทยฉะนักข่าวไร้จรรยาบรรณ เขียนข่าวด้านเดียวโดยอ้างแหล่งข่าวนิรนามสร้างความเสียหายผู้อื่น
รายงานของบางกอกโพสต์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เว็บไซต์ของบางกอกโพสต์ได้เผยแพร่รายงานข่าวในภาษาอังกฤษที่เขียนโดย “นายวัสยศ งามขำ” อ้างแหล่งข่าวตำรวจระดับสูง ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออก “คำสั่งลับ” ให้ตำรวจทั่วประเทศจับตาสายลับจากอิหร่าน
บางกอกโพสต์รายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงกำลังติดตามการเคลื่อนไหวของชาวอิหร่านและชาวไทยมุสลิมที่สงสัยว่าทำงานเป็นสายลับให้อิหร่านในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
บางกอกโพสต์ยังอ้างด้วยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ออกคำสั่งให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรทั้ง 9 ภาค เฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวของสายลับเหล่านี้
บางกอกโพสต์ระบุว่า คำสั่งนี้อ้างถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ปีที่แล้ว ที่ทางการอินโดนีเซียพบว่า นายกัสเซม ซาบีรี กิลชาลาน (Ghassem Saberi Gilchalan) เดินทางเข้าประเทศโดยถือหนังสือเดินทางบัลแกเรีย ต่อมาพบว่าเป็นของปลอม และเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ชายคนนี้ถูกจับโดยทางการชาวอินโดนีเซียที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา ขณะกำลังจะเดินทางออกไปยังประเทศกาตาร์
ชายคนนี้บอกตำรวจว่าเขาใช้หนังสือเดินทางปลอมเพื่อเข้าประเทศ ตำรวจชาวอินโดนีเซียพบว่าเขาเข้ามาในประเทศมากกว่า 10 ครั้งโดยใช้เอกสารปลอม และศาลตัดสินจำคุกเขาสองปีในความผิดดังกล่าว
ตำรวจชาวอินโดนีเซียยังพบว่า ชายคนนี้มีโทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 1 เครื่อง ซิมการ์ดจำนวนหนึ่ง และเงินสดมูลค่ากว่า 320,000 บาท แหล่งข่าวกล่าวเสริม
การตรวจสอบบนโทรศัพท์มือถือของเขาพบชื่อของชาวไทยมุสลิมบางคน แหล่งข่าวของบางกอกโพสต์กล่าว และเสริมว่า ทางการชาวอินโดนีเซียเชื่อว่านายกิลชาลานคนนี้เป็นสายลับจากอิหร่าน
หลังถูกสอบสวนเพิ่มเติม นายกิลชาลานบอกกับตำรวจอินโดว่า เขาได้รับมอบหมายจากอดีตนักการทูตอิหร่านในมาเลเซียให้ทำหน้าที่เป็นสายลับทั้งที่นั่นและในอินโดนีเซียหลายครั้ง
ความพยายามครั้งล่าสุดเกี่ยวข้องกับการล็อบบี้ทางการชาวอินโดนีเซียเพื่อปล่อยเรือบรรทุกน้ำมัน MT Horse ที่ติดธงชาติอิหร่าน ซึ่งถูกจับในน่านน้ำของประเทศเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว
ชายคนดังกล่าวยังตั้งบริษัทบังหน้าขึ้นในบาหลี ซึ่งถูกใช้เป็นเซฟเฮาส์สำหรับปฏิบัติการลับของเขา แหล่งข่าวกล่าว
“การเปิดเผยของนายกิลชาลานครั้งนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในหลายประเทศซึ่งกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติการลับและสายลับของอิหร่าน ซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติในแต่ละประเทศ”
“การดำเนินการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทยด้วย” แหล่งข่าวกล่าว
นายนายกิลชาลานและอดีตนักการทูตเคยมาเยือนประเทศไทยหลายครั้ง และยังได้พบกับชาวไทยมุสลิมชีอะห์ที่มีชื่อเสียงซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอิหร่าน รายงานของบางกอกโพสต์ระบุ
“ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้ที่สายลับจากอิหร่านอาจกำลังปฏิบัติการลับในประเทศไทยโดยใช้หนังสือเดินทางปลอม และคนไทยบางคนก็ถูกสงสัยว่าทำงานเป็นสายลับด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินหรือการสนับสนุนในรูปแบบอื่นๆ” บางกอกโพสต์อ้างแหล่งข่าว
“มีข้อกังวลเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเอเปกของไทย [ในเดือนพฤศจิกายน] ซึ่งผู้นำระดับโลกจะเข้าร่วม การเตรียมการด้านความมั่นคงเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสำคัญในระดับสูงสุด
“เราไม่สามารถที่จะปล่อยให้เกิดความไม่สงบหรือความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นได้” แหล่งข่าวกล่าว พร้อมเสริมว่าทางการต้องการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นระเบิดที่สุขุมวิท 71 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 มิให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ในคราวนั้นชายชาวอิหร่านสามคนถูกจับกุมและถูกจำคุกเนื่องจากเหตุระเบิดที่เชื่อกันว่าได้ได้เกิดระเบิดก่อนเวลาอันควรที่บ้านเช่าในพื้นที่แห่งหนึ่ง
สถานทูตอิหร่านประณามบางกอกโพสต์แพร่ข่าวเท็จ
วันนี้ ( 7 มิ.ย.) เดอะพับลิกโพสต์ได้รับจดหมายข่าวลงวันที่ 6 มิถุนายน 2565 จากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำประเทศไทยซึ่งมีเนื้อหาตอบโต้รายงานดังกล่าวของบางกอกโพสต์ พร้อมทั้งประณามว่าเป็นการแพร่ข่าวเท็จ โดยระบุว่า
สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ประจำกรุงเทพฯ ปฏิเสธและขอประณามข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลของสื่อในกรุงเทพฯ เกี่ยวกับประเทศอิหร่านและพลเมืองอิหร่าน
หลังสื่อไทยเผยแพร่ข่าวเท็จนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านได้ดำเนินการติดตามประเด็นนี้ผ่านช่องทางการทูต จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเจ้าหน้าที่การเมืองและความมั่นคงของไทยยืนยันข้ออ้างนี้
สถานเอกอัครราชทูตฯ ย้ำว่าความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และมิตรภาพระหว่างสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและราชอาณาจักรไทยมีพื้นฐานอยู่บนความเข้าใจและความเคารพซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
นับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามเริ่มต้น อิหร่านต้องเผชิญกับวิธีการใส่ร้ายป้ายสีทำนองนี้มาโดยตลอด ในขณะที่อิหร่านต้องการต่อสู้กับการก่อการร้าย รวมถึงการเอาชนะไอซิส
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมีไปมีอิทธิพลต่อการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อย่างสันติของอิหร่าน ซึ่งอยู่ภายใต้การสอดส่องของ IAEA โดยสมบูรณ์ ไซออนิสต์และสื่อตะวันตกบางส่วนได้เผยแพร่ข้อกล่าวหาเท็จเกี่ยวกับอิหร่าน
สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านซึ่งมีประสบการณ์เฉพาะตัวและมีประวัติความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในการต่อสู้กับการก่อการร้าย และได้เสนอความร่วมมือในเรื่องนี้แก่ประเทศที่เป็นมิตรรวมถึงราชอาณาจักรไทย
สถานเอกอัครราชทูตฯ ถือว่าการตีพิมพ์ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลดังกล่าวนั้นเป็นการสร้างข้อมูลเท็จ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และมิตรระหว่างอิหร่าน – ไทย
สถานทูตจะยังคงพยายามส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อประโยชน์ร่วมกันของสองประเทศของเรา
ผู้นำมุสลิมชีอะห์ไทยฉะถามหาจรรยาบรรณสื่อไทย
เดอะพับลิกโพสต์ ได้สอบถามความเห็นต่อกรณีดังกล่าวไปยัง “ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี” นักการศาสนาคนสำคัญและผู้นำมุสลิมชีอะห์ไทย ซึ่งซัยยิดสุไลมาน กล่าวว่า เป็นที่รู้กันดีว่าอิสราเอลกับอิหร่านนั้นเป็นคู่ปรปักษ์กันมายาวนาน และขณะนี้อิสราเอลกำลังอยู่ในห้วงดิ้นรนอย่างหนัก เนื่องจากการเจรจาเพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านรอบใหม่กำลังคืบหน้าและใกล้บรรลุขั้นสุดท้าย
“อิหร่านจะกลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกหากบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่อิสราเอลเองก็รู้ดีและพยายามขัดขวางมาโดยตลอด”
“อิสราเอลใช้ทุกวิถีทางในการต่อต้านทุกรูปแบบ ทั้งการก่อการร้าย การลอบสังหาร เหมือนที่เรารู้กันอย่างกรณีลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อิหร่าน หรือล่าสุดกรณีลอบสังหารนายทหารของกองทัพ IRGC แห่งอิหร่าน”
“สำหรับประเทศไทยนั้น การระวังภัยให้ประเทศถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่ฉลาดยอมตกเป็นเครื่องมือต่างชาติโดยเฉพาะชาติอเมริกาและอิสราเอลนั้นย่อมไม่ดีแน่ เพราะนอกจากจะทำให้เสียมิตรประเทศแล้วอาจจะเป็นชักศึกเข้าบ้านอีกด้วย”
“สิ่งสำคัญที่อิสราเอลกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ก็คือ หาแนวร่วมให้ตนเอง และทำลายมิตรของอิหร่าน และวันนี้อิสราเอลกำลังปั่นให้ไทยมีปัญหากับอิหร่าน โดยโยงเรื่องที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซียเพื่อใช้ไทยเป็นเครื่องมือในการต้านอิหร่าน” ซัยยิดสุไลมานกล่าว
สำหรับรายงานของบางกอกโพสต์ที่กล่าวหาและพยายามโยงมุสลิมชีอะห์ไทยกับการก่อการร้ายและวินาศกรรมในไทยนั้น ซัยยิดสุไลมานตั้งข้อสังเกตว่า ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวรายงานโดยไม่มีจรรยาบรรณของผู้สื่อข่าวมืออาชีพ
“การเขียนข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวนิรนาม และโยงในสิ่งที่แหล่งข่าวพูดกับผู้หลักผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสร้างความเสียหายกับมุสลิมชีอะห์ ใส่ร้ายป้ายสีโดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่มีการสอบถามอีกฝั่งที่ได้รับผลกระทบ บ่งบอกว่าผู้สื่อข่าวคนนี้ไม่มีความเป็นมืออาชีพพอ ไม่ยึดถือจรรญาบรรณสื่ออย่างที่ควรจะเป็น”
“มุสลิมชีอะห์ไทยมีเกียรติประวัติในการปกป้องบ้านเมืองนี้มาอย่างยาวนาน และเป็นผู้รู้ทันแผนการร้ายของศัตรูมาโดยตลอด ฉะนั้นเวลาเหล่าชาติตะวันตกต้องการจะแผ่อิทธิพลในภูมิภาคใด คนกลุ่มแรกที่พวกเขาจะต้องระมัดระวังคือชีอะห์”
“และผมกำลังคิดว่าบทบาทของผู้รู้ชีอะห์ที่ออกมาขับเคลื่อนร่วมกับขบวนการประชาชนคนไทยเพื่อต่อต้านอิทธิพลอเมริกาและอิทธิพลพันธมิตรตะวันตกในการทำสงครามกับจีนในภูมิภาคบ้านเรา ตามยุทธศาสตร์อินโด–แปซิฟิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนาโต้ จนถูกเรียกว่า นาโต้ 2 นั้นจึงทำให้มีความพยายามดิสเครดิตด้วยรายงานข่าวชิ้นนี้ของบางกอกโพสต์”
“ผมอยากฝากไปถึงบรรณาธิการและสำนักสื่อว่าจะรับผิดชอบและแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นกับมุสลิมชีอะห์ซึ่งเป็นประชาชนคนไทยในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วอย่างไร”
“ผมไม่ได้ร้องขออภิสิทธิ์ แต่สิ่งที่ผมต้องการคือขอให้มีความเป็นมืออาชีพในการรายงานข่าว ในการเป็นผู้สื่อข่าว โดยเฉพาะกับองค์กรสื่อที่มีชื่อเสียงอย่างบางกอกโพสต์” ซัยยิดสุไลมานกล่าว
สื่ออิสราเอลรับลูกทันควัน
เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังรายงานชิ้นนี้ของบางกอกโพสต์เผยแพร่ออกไปไม่นาน สื่ออิสราเอลหลายสำนักได้ เช่น ไทมส์ออฟอิสราเอล เยรูซาเล็มโพสต์ ช่อง 24 ต่างพากันนำเสนอข่าวนี้ต่อโดยทันควัน
นอกจากนั้นสื่อที่ต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน อย่างอิหร่านอินเตอร์เนชันแนล ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน และถูกระบุว่าได้รับทุนจากซาอุฯ ก็ได้รายงานข่าวชิ้นนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้สื่อกระแสหลักระดับโลกอื่นๆ ไม่ได้นำข่าวเสนอข่าวนี้แต่อย่างใด