
MEMO – เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหประชาชาติ ดร. อับดุลอาซิซ บิน โมฮัมเหม็ด อัล–วาเซล เตือนถึงผลกระทบจาก “การปฏิบัติด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน” และการไม่เข้าร่วมสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล
“อันตรายจากอาวุธนิวเคลียร์ที่แพร่กระจายจะคุกคามตะวันออกกลางและโลกนี้” เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเผชิญหน้ากับการเพิ่มจำนวนนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง
ดร.อัล–วาเซลตั้งข้อสังเกตว่า การที่อิสราเอลไม่เข้าร่วมสนธิสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการห้ามอาวุธนิวเคลียร์ “ตอกย้ำความเสี่ยงของการแพร่กระจายของนิวเคลียร์“
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการของอิหร่านเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของนิวเคลียร์ โดยเสริมว่าการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ในตะวันออกกลางเป็น “ความรับผิดชอบร่วมกัน“
“การขาดความโปร่งใสของอิหร่านกับ IAEA ถือเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ” เขากล่าว พร้อมย้ำว่า “ความโปร่งใสเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ”
ทูตซาอุดิอาระเบียเสริมว่า ราชอาณาจักรสนับสนุนการขยายสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
เมื่อเดือนที่แล้ว กามาลล คาราซี หัวหน้าสภายุทธศาสตร์ด้านนโยบายต่างประเทศในอิหร่าน เปิดเผยว่าประเทศของเขามีความสามารถทางเทคนิคในการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ แต่เน้นว่าอิหร่านไม่มีการตัดสินใจที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์แต่อย่างใด
สหรัฐฯ เคยออกมาย้ำเตือนว่าอิหร่านจะเข้าถึงขีดความสามารถที่จำเป็นในการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า
รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เน้นย้ำว่า จะไม่อนุญาตให้อิหร่านเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์ ในขณะที่อิสราเอลขู่ว่าจะโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ในขณะเดียวกัน กลุ่มประเทศอ่าวก็แออกมาเตือนถึงผลกระทบที่จะตามมาหากเตหะรานครอบครองระเบิดนิวเคลียร์
มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เคยเตือนว่า “หากอิหร่านพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ ซาอุดีอาระเบียจะทำแบบเดียวกันโดยเร็วที่สุด“