อิสราเอลเดือดหลังมอสโกสั่งปิดสำนักงานองค์การชาวยิวในรัสเซีย

สำนักงานใหญ่องค์การชาวยิวแห่งอิสราเอล (Jewish Agency Of Israel) ในเยรูซาเล็ม

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมของรัสเซียยื่นคำร้องต่อศาลในกรุงมอสโกเพื่อให้สั่งปิดสำนักงานชาวยิวเพื่อการอพยพสาขากรุงมอสโก ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยาเออร์ ลาปิด เตือนว่าการทำเช่นนั้นจะจะส่งผลกระทบที่อันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

องค์การชาวยิวแห่งอิสราเอล (Jewish Agency Of Israel) ก่อตั้งขึ้นใน 1929 และเริ่มกิจกรรมในรัสเซียในปี 1989 หน่วยงานนี้ช่วยเหลือให้ชาวยิวทั่วทุกมุมมโลกสามารถอพยพไปยึดครองดินแดนปาเลสไตน์

องค์การชาวยิวแห่งอิสราเอลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทั้งในด้านการขนส่งและการเงิน แก่ชาวยิวซึ่งต้องการย้ายถิ่นฐานไปยังอิสราเอลในวันหนึ่ง ภายใต้ “กฎแห่งการกลับมา” ของอิสราเอล โดยใครก็ตามที่เป็นชาวยิวหรือสามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเขามีปู่ย่าตายายชาวยิวอย่างน้อยหนึ่งคนมีสิทธิ์ได้รับสัญชาติอิสราเอล

เหตุผลที่รัสเซียปิดสาขาขององค์การชาวยิวแห่งอิสราเอลในมอสโกอาจเป็นความจริงที่ว่าเมื่อตอนที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลคนปัจจุบัน “ยาเออร์ ลาปิด” ตอนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศได้ประณามสงครามรัสเซียต่อยูเครน และอิสราเอลได้แสดงจุดยืนเข้าข้างสหรัฐฯ ลาปิดยังกล่าวหารุนแรงว่า “รัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม”

ภายใต้การช่วยเหลือขององค์การชาวยิวแห่งอิสราเอล มีผู้อพยพชาวยิวยูเครนและรัสเซียได้ย้ายถิ่นฐานไปยังอิสราเอลหลายพันคนแล้วนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากสงครามต่อยูเครน

ซึ่งอีกทางหนึ่งรัสเซียก็ค้นพบว่ามีอาสาสมัครหลายร้อยคนที่ถือสัญชาติอิสราเอลซึ่งกำลังต่อสู้ในฝั่งยูเครนเพื่อต่อต้านกองทหารรัสเซีย

นายกรัฐมนตรีอิสราเอลแสดงความเห็นเกี่ยวกับการปิดสำนักงานองค์การชาวยิวฯ สาขากรุงมอสโกว่า “ชุมชนชาวยิวในรัสเซียมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับอิสราเอล ความสำคัญนี้ถูกเอ่ยถึงในทุกการสนทนาทางการทูตกับผู้นำรัสเซีย”

นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเตือนว่า ความพยายามที่จะยุบหน่วยงานของรัสเซีย “จะเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์” กับรัสเซีย

ในด้านหนึ่งเป็นสิ่งสำคัญจากมุมมองของอิสราเอลที่จะรักษากระแสของชาวยิวรัสเซียให้เข้าสู่สถานะการยึดครอง ซึ่งจำเป็นต้องมีชาวยิวจำนวนมากขึ้นเพื่ออพยพเพื่อประโยชน์ของอิสราเอลในแง่ของความขัดแย้งทางประชากรกับชาวปาเลสไตน์ ในขณะอีกด้านหนึ่งอิสราเอลยังได้รับประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ของพวกเขา และความเชี่ยวชาญทางวิชาการในด้านอื่นๆ

อดีตสหภาพโซเวียตเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ยอมรับรัฐยึดครองของอิสราเอลและสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันในเดือนพฤษภาคม ปี 1948

ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับอิสราเอลถูกตัดขาดในปี 1953, 1956 และอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ปี 1967 หลังจากที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะตกลงหยุดยิงในสงครามหกวันกับเพื่อนบ้านอาหรับ

การติดต่อที่ระดับกงสุลเริ่มขึ้นในปี 1987 และปี 1991 ได้เห็นการฟื้นคืนความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลกับอดีตสหภาพโซเวียต หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตสหพันธรัฐรัสเซียยังคงรักษาความสัมพันธ์ดังกล่าวกับรัฐยึดครอง และประตูสำหรับการอพยพไปยังปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองก็เปิดกว้างสำหรับชาวยิวรัสเซีย

ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ผิดกฎหมายในปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองมาจากทั่วทุกมุมโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการไซออนิสต์และประเทศตะวันตกที่สนับสนุนโครงการนี้ การย้ายถิ่นดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสำหรับอิสราเอลที่ต้องการ “ทรัพยากรมนุษย์”  อิสราเอลยังคงเป็นรัฐแบ่งแยกเชื้อชาติและแบ่งแยกสีผิวโดยแลกกับความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์ในแต่ละวันที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 74 ปี

การอพยพโดยรวมของชาวยิวจากสหภาพโซเวียตเริ่มต้นขึ้นในปลายทศวรรษ 1980 เมื่อรัฐบาลของ “มิคาอิล กอร์บาชอฟ” เปิดพรมแดนที่ใกล้จะล่มสลายและอนุญาตให้ชาวยิวออกเดินทางไปยังดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง

หลังปี 1989 มีชาวยิวโซเวียตประมาณ 1.6 ล้านคนที่ได้อพยพ พร้อมกับภรรยา สามี และญาติที่ไม่ใช่ชาวยิว ตามที่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายของอิสราเอล

ในจำนวนนี้ มีน้อยกว่าหนึ่งล้านคนเลือกที่จะไปปาเลสไตน์ ในขณะที่ 325,000 คนต้องการอพยพไปยังสหรัฐอเมริกา และ 219,000 คนต้องการไปเยอรมนี อย่างไรก็ตาม ชาวยิวโซเวียตหลายคนที่ไปสหรัฐอเมริกาในไม่ช้าก็ตัดสินใจอพยพไปยังรัฐยึดครองในเวลาต่อมา

เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่เริ่มแรกขบวนการไซออนิสต์ใช้การหลอกลวง สิ่งจูงใจ และความกดดันเพื่อกระตุ้นให้ชาวยิวอพยพไปยังยึดครองปาเลสไตน์ การอพยพครั้งใหญ่ของชาวยิวโซเวียตที่เข้ายึดครองปาเลสไตน์ในปี 1989-90 เป็นเวทีสำคัญในการพัฒนารัฐยึดครองของอิสราเอล การย้ายถิ่นครั้งนี้เกิดขึ้นหลายระลอก

รัฐยึดครองที่เพิ่งตั้งไข่ไมีการย้ายถิ่นฐานจำนวนมากในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 และต้นทศวรรษ 1950 เนื่องจากประสิทธิภาพของการโฆษณาชวนเชื่อของไซออนิสต์ การอพยพครั้งใหญ่จากอดีตสหภาพโซเวียตเกิดขึ้นหลังจากผ่านไปสี่ทศวรรษเพื่อเสริมกำลังทรัพยากรมนุษย์ของอิสราเอล

อิสราเอลได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากผู้อพยพชาวยิวโซเวียต-รัสเซีย ในจำนวนนี้มีนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ปรมาณู และวิศวกรหลายพันคน ซึ่งล้วนมีส่วนทำให้ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับสูง ทำให้อิสราเอลอยู่ในกลุ่มประเทศที่ก้าวหน้า ซึ่งถูกระบุอยู่ในรายงานการพัฒนามนุษย์ที่ออกโดย UNDP ในทศวรรษที่ผ่านมา

ทุกวันนี้ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวชาวรัสเซียมากกว่าหนึ่งล้านคนอาศัยอยู่ที่ปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง รัสเซียยังคงเป็นแหล่งรวมของผู้ตั้งถิ่นฐานที่มีศักยภาพ นั่นเป็นสาเหตุที่การตัดสินใจปิดสำนักงานสำนักงานองค์การชาวยิวแห่งอิสราเอลในมอสโกทำให้ผู้นำของอิสราเอลไม่พอใจอย่างมาก

ความพยายามของอิสราเอลในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับมอสโกอาจนำไปสู่การเปิดสำนักงานอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ และจะยังคงอำนวยความสะดวกในการอพยพของชาวยิวรัสเซียเพื่อยึดครองปาเลสไตน์ ซึ่งนั่นคือจุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของอิสราเอลและสหรัฐฯ ในการรักษาความสัมพันธ์กับรัสเซีย