แผลเล็กๆ ที่กำลังเหวอะหวะ เขย่ารัฐบาลทหาร แผลใหม่ที่มือเก่าเก๋าเกมช่วยเปิดให้ใหญ่กว่าเดิม (นายกฯลุงตู่รู้ไหมว่า นักข่าวไม่มีหน้าที่มาช่วยแก้ข่าว-ฮา)
เมื่อ ไม่กี่ชั่วโมงมานี้ บิ๊กจิ๋วหรือพลเอกชาวลิต ยงใจยุทธ ออกมาซัดรัฐบาลเต็มหมัดว่า ทั้งแผ่นดินกำลังเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ผู้คนอดอยากยากแค้น
โดยเฉพาะชาวไร่ชาวนาที่ขายข้าวขาดทุน และยางราคาตกต่ำจนต้องฆ่าตัวตายกันแล้ว และยังตำหนิการร่างรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรงอีกด้วยว่าเอาอะไรก็ไม่รู้มาใส่ไว้ ให้เป็นปัญหาต่อไปอีก รัฐบาลทหารยิ่งอยู่นานยิ่งอันตราย
แม้บิ๊กจิ๋ว จะไม่ได้เอ่ยถึงปมปัญหาการโกงในอุทยานราชภักดิ์เลย แต่ก็เห็นได้ชัดว่า อดีตนายกฯ ท่านนี้กำลังเปิดแผลใหม่ให้กับรัฐบาลทหาร เป็นแผลใหม่ที่ใหญ่และอาจสำคัญยิ่งกว่าแผลเดิมด้วยซ้ำไปเพราะเป็นเรื่อง ทุกข์ร้อนของคนทั้งแผ่นดิน
ทั้งที่ความสงสัยใคร่รู้เรื่องมีคนหา ประโยชน์จากโครงการอุทยานราชภักดิ์นั้นก็กำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆ จากแผลเล็กๆ ที่ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ กลับมีคนช่วยขยายแผลให้กว้างเหอวะหวะ น่าเกลียดน่ากลัวมากกว่าเดิม
ที่น่าขันก็คือ คนระดับนำแก้ตัวไปหลายรอบแล้ว แต่เรื่องร้ายๆ กลับพุ่งเข้ามาหาไม่หยุดหย่อน แถมเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธได้ยากอีกด้วย
เช่น บอกว่า เงินของอุทยานราชภักดิ์เป็นเงินบริจาคของประชาชนและบริษัทองค์กรใหญ่ในเมือง ไทยมากมาย ตอนนั้น ผู้คนเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า แล้วเงินที่ประชาชนบริจาคโกงได้หรือ เรื่องนี้เกิดขึ้นภายในเดือนเดียวเท่านั้น
เพราะจู่ๆ ก็มีคนเอาเอกสารราชการมาปูดอีกว่า ท่านนายกฯลุงตู่นี่แหละเป็นคนอนุมัติเงินกว่า 60ล้านบาทในการจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ในนามครม.ที่มีรองนายกฯ ลุงป้อมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ยังตามทะลวงซ้ำด้วยหมายจับ 1 นายพล 1 พันเอก ทีมงานใกล้ชิดของลูกน้องตัวเองที่เคยเป็นผบ.ทบ. พร้อมถอดยศเรียกคืนเครื่องราชฯจากการแอบอ้างหาเงินเรื่องนี้อีกด้วย
ข่าว ร้ายหลายอย่างยังตามมาเป็นระลอกชนิดที่แกนนำรัฐบาลอย่างหัวหน้าใหญ่และท่านร องฯก็ยังงงงัน ตั้งรับแทบไม่ทัน อีกเพียงสัปดาห์เดียว ก็มีคนพบว่า กสทช.(ของรัฐนั่นแหละ)ยังอุตส่าห์บริจาคมาอีก 88 ล้านบาท
ทำให้ปฏิเสธ ได้ยากว่า นี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลหรือคสช. รวมทั้งกองทัพ กลายเป็นว่า ทั้งสามองค์กรที่ทรงอำนาจใหญ่ที่สุดของชาติ เกี่ยวข้องกันหมด
ถึง กระนั้น ลูกน้องของนายกฯลุงตู่และรองนายกฯลุงป้อม คือพลเอกอุดมเดช ก็ยังปฏิเสธต่อไปว่า อุทยานฯสำคัญของชาติแห่งนี้ ทำอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถ้าจะเกิดมีเรื่องผิดพลาด ประเภทมีค่าคอมฯอะไรที่จะเกิดขึ้นก็ต้องเป็นเรื่องของโรงหล่อ
เมื่อ วันสองวันมานี้เอง รมว.ยุติธรรม พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา แคนดิเดทผบ.ทบ.กับพลเอกอุดมเดชเมื่อปี 2557 ก็ออกมาซัดตูมเข้าให้ว่า การทุจริตต้องมีแน่ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ ต้องหาตัวคนผิด ไม่งั้นรัฐบาลจะอยู่กันยังไง
น่าเสียดายมากที่นายกฯลุงตู่ของผมยังคง หมกมุ่นกับอาการแบบเด็กๆที่ใครมาตำหนิรัฐบาลท่านเรื่องหนึ่ง ก็แสดงว่า มีคนต้องการเอากรณีที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใยอย่างอุทยานราชภักดิ์มากลบ เรื่องจำนำข้าวของรัฐบาลชุดที่แล้ว
ใครได้ยินแล้วก็ต้องขำ แม้แต่นักข่าวที่ไปนั่งรอฟังท่านพูดด่ากราดคนนั้นคนนี้ น้องๆนักข่าวสมัยนี้แม้ไม่ต้องเลือกข้างเลือกสีก็ยังฉลาดพอว่าเขาจะเล่นข่าว อะไรที่ขายได้ และมีคนเสพข่าวกำลังให้ความสนใจ
พูดจริงๆไม่มีนักข่าว คนไหนจะแยกแยะไม่เป็นว่า เขากำลังตามข่าวเรื่องอะไรอยู่ ไม่มีผู้นำรัฐบาลที่ทรงอำนาจที่สุดคนไหนยุคไหนจะมาไล่นักข่าวให้ไปทำอีกข่าว ที่รัฐบาลที่แล้วผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ความถูกผิดที่แท้จริงโดยเฉพาะเรื่องจำนำข้าว ในระหว่างที่นักข่าวกำลังตามอีกข่าวหนึ่งอยู่ที่เห็นกันอยู่ชัดๆว่า คิดว่าบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่โกงไม่ทุจริต ทำไมต้องหนีออกนอกประเทศ
บางที รัฐบาลทหารท่านอาจเข้าใจผิดว่า นักข่าวมีหน้าที่ต้องช่วยท่านโดยการปลุกเรื่องนั้นเรื่องนี้ของรัฐบาลที่ เพิ่งจะเอาอาวุธสงครามไล่เขามาช่วยท่าน เพราะนักข่าวไม่มีหน้าที่มาช่วยรัฐบาล เพราะต่างก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
แน่นอน นักข่าวส่วนใหญ่อาจจะเฮฮาสนุกสนานไปกับการหยอกล้อเล่นหัว หรือดุด่า ปาเปลือกกล้วยใส่ บี้หัวลูบหูกันเล่น พับกระดาษวางบนหัวรปภ.โชว์น้องๆให้ช่วยกันขำ
แต่ก็ไม่ได้หมายความจะต้องมายืนปกปักษ์รักษานายกฯลุงตู่ที่บ่นเหนื่อยแสนเหนื่อย บ่นให้ได้ยินบ่อยมาก
ถ้า นักข่าวไม่กลัวตีนหุ้มไอ้โอ๊ปฉาบพิษในกระแสเลือด หรืออาวุธสงคราม เขาคงไม่เกรงใจที่จะตั้งคำถามว่า แล้วใครใช้ให้ท่านมาเป็นเล่า-ลุง?