การเดินทางมาของสมเด็จ อัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและคณะ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ถือว่ามีความยิ่งใหญ่ในโอกาสเยือนไทยสองครั้ง ในรอบ 15 ปี
เพราะการเดินทางมาครั้งนี้ของสมเด็จฮุนเซน พร้อมคณะครม.กัมพูชา ทางรัฐบาลไทยนำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับอย่างเป็นทางการมีพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม
ฝ่ายรัฐบาลไทยที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ส่วนฝ่ายกัมพูชา มีนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือ ระหว่างประเทศกัมพูชา นายสก อาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักคณะรัฐมนตรีกัมพูชา พล.อ. เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ร่วมหารือข้อราชการเต็มคณะ ที่ทำเนียบรัฐบาล
หลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชาครบ 65 ปี บนพื้นฐานของการพึ่งพาและผลประโยชน์ร่วมกัน และพร้อมที่จะยกระดับสู่ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน โดยขอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอ
ในโอกาสนี้ สมเด็จ ฮุนเซน ขอบคุณการต้อนรับอันอบอุ่นและกล่าวแสดงความซาบซึ้ง และพร้อมถวายการต้อนรับและเข้าเฝ้าฯด้วยตนเอง ในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559 เพื่อทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ การก่อสร้างสถาบันเทคโนโลยีพระราชทานที่จังหวัดกัมปงสปือ และเยี่ยมชมโครงการพระราชทานของพระองค์ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและวิชาการพระราชทานความช่วยเหลือในพื้นที่ต่างๆ ของกัมพูชาตลอดระยะเวลาผ่านมา
ด้านความสัมพันธ์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 65 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและกัมพูชา รวมถึงภาคประชาชนจะร่วมกันจัดกิจกรรมและการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร ระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยจะมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้แทนพิเศษนายกรัฐมนตรีร่วมงาม โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เสนอให้มีถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลนัดดังกล่าว ทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อร่วมเป็นสัญลักษณ์ความผูกพันระหว่างประชาชนของสองประเทศร่วมกันด้วย
ด้าน เศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันในการผลักดันเป้าหมายขยายปริมาณ มูลค่าการค้าและการลงทุนของสองประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ปัจจุบันทั้งสองประเทศมีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว- จ.บันเตียเมียนเจย การอำนวยความสะดวกด้านศุลกากร และการเพิ่มปริมาณการเดินรถ การเชื่อมโยงทางบกและเส้นทางรถไฟ เพื่อมีส่วนผลักดันให้ปริมาณการค้าสินค้าของสองประเทศเพิ่มมากขึ้นได้ โดยไทยและกัมพูชายังสนับสนุนให้นักลงทุนของทั้งสองฝ่าย แสวงหาลู่ทางลงทุนเพิ่มในแต่ละประเทศ
ด้านการท่องเที่ยวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวเชิญชวนกัมพูชาส่งเสริมการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคร่วมกัน ในลักษณะเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวร่วมกัน ในลักษณะ package tour และ long stay เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของภูมิภาค ในขณะนี้ไทยยังได้มีการพัฒนาการท่องเที่ยวทางทะเล และชายฝั่งระหว่างไทย-กัมพูชา-เวียดนาม ทั้งท่าเรือ และท่าเรือสำราญ เพื่อรองรับการเติบโตการท่องเที่ยวทางทะเลที่เพิ่มขึ้น
ด้านพลังงาน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวขอบคุณไทยที่ให้ไฟฟ้าให้กับกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไฟฟ้ายังเข้าไปไม่ถึง ขณะเดียวกันพล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอให้กัมพูชาพิจารณาแบ่งปันทรัพยากรน้ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงด้านพลังงานของทั้งสองประเทศ
ด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรียินดีที่จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้าน แรงงานและข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงานไทย–กัมพูชา ในวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากบันทึกความเข้าใจและข้อตกลงทั้งสองฉบับนี้ จะช่วยยกระดับความร่วมมือที่ไทยกับกัมพูชามีต่อกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่ง ขึ้น โดยเฉพาะอย่าง ไทยและกัมพูชายืนยันที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และต่อต้านกระบวนการค้ามนุษย์ โดยจะเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานถูกกฎหมาย เพื่อให้แรงงานกัมพูชาได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทยโดยสมบูรณ์
ความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียนและพหุภาคี นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีกัมพูชายินดีที่ไทยและกัมพูชากำลังจะมุ่งหน้า สู่การเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียน ขณะนี้ไทยได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว และหวังว่าหลังจากเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนไทยกับกัมพูชาจะมีความร่วม มือร่วมกันมากยิ่งขึ้นในทุกๆด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการเชื่อมโยงความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างไทยและกัมพูชา จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ประชาคมอาเซียน
ด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร รวมทั้งการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค้าและเชื่อมโยงกับตลาดสินค้า ขณะเดียวกันก็เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขสินค้าเกษตรที่ยังมี ปัญหาระหว่างกัน
ด้านสาธารณสุขและการแพทย์ รัฐบาลไทยได้เสนอที่จะฝึกอบรมบุคลากรด้านสาธารณสุขแก่กัมพูชา พร้อมจะศึกษาการจัดสรรทุนแพทย์แก่กัมพูชา เพื่อประโยชน์ในด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ในช่วงท้าย ความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชาปัจจุบันนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดียิ่งตลอดระยะเวลา 65 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน เพิ่มการค้าและการลงทุน รวมทั้งการพัฒนาในมิติต่างๆ ภายใต้แนวคิดและนโยบาย Thailand + 1 เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยอาเซียนกำลังจะกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 600 ล้านคน โดยไทยจะร่วมมือกับกัมพูชาในลักษณะเกื้อกูลส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับไทยกัมพูชา และประชาคมอาเซียนร่วมกัน