อินดิเพนเดนท์ – อัลจาซีรา สำนักข่าวที่มีฐานในกาตาร์ ปิดกั้นบทความประณามสิทธิมนุษยชนในประเทศซาอุดีอาระเบีย ทำให้คนนอกประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สามารถอ่านได้
บทความในหัวข้อ “ซาอุดิอารเบียใช้การก่อการร้ายเป็นข้ออ้างสำหรับการละเมิดสิทธิมนุษยชน” ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์อัลจาซีราอเมริกาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ซึ่งระบุว่ามีบุคคล 50 คน จะถูกดำเนินคดีจากถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมก่อการร้าย อันเป็นความอยุติธรรมที่กระทำต่อมุสลิมชีอะห์ซึ่งเป็นชนกลุ่มของซาอุดีอาระเบีย และมีเนื้อหาวิพาย์วิจารณ์ความความสัมพันธ์ของประเทศที่มีกับสหรัฐฯ
บทความนี้สามารถอ่านได้ในสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อเปิดจากประเทศอื่น หน้าดังกล่าวจะขึ้นว่า “เกิดข้อผิดพลาด”
ดิอินเตอร์เซ็บท์ (The Intercept) รายงานว่า บัญชีทวิตเตอร์ของอัลจาซีราอเมริกาได้ทวีตพาดหัวบทความดังกล่าวพร้อมภาพจากเว็บไซต์บาห์เรน, ซึ่งดูเหมือนว่าต่อมาจะถูกลบออกไป ในขณะที่หนังสือพิมพ์ Okaz ของซาอุดิอาราเบีย อ้างคำขอโทษของผู้อำนวยการอัลจาซีราสำหรับบทความดังกล่าว
บทความนี้ เขียนโดย อาร์จัน เซติ (Arjun Sethi) ทนายความสิทธิมนุษยชนและศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ซึ่งต่อมาได้รับการพิมพ์ซ้ำโดยอินเตอร์เซบท์
ข้อวิพากษ์วิจารณ์หลายประการจากข้อเขียนของ อาร์จัน เซติ ถูกสื่อรายงานในระดับสากล เช่น การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ของการประหารชีวิตในซาอุ ซึ่งตามข้อมูลองค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่ากว่า 150 คนถูกฆ่าตายในปี 2015, การพิจารณาประหารชีวิตกวีชาวปาเลสไตน์ อัชรอฟ ฟายาด (Ashraf Fayadh) ในข้อหา “ละทิ้งศาสนา” และข้อกล่าวหาว่าการโจมตีทางอากาศของซาอุดิอาระเบียในเยเมนได้ฆ่าสังหารชีวิตของพลเรือน
นายเซติ ยังวิพากษ์วิจารณ์ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและสหรัฐ โดยเขียนว่า “ส่วนใหญ่ซาอุดีอาระเบียมักแคล้วคลาดจากการถูกกล่าวโทษด้านศีลธรรมเพราะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา”
นายเซติ อ้างถึงบทความของเขาบนทวิตเตอร์ว่า “ผมไม่กลัวระบอบการปกครองของประเทศซาอุฯ สิ่งเดียวที่ผมกลัวก็คือความรู้สึกผิดของผม ผมจะไม่จำนนให้กองเซ็นเซอร์”
I'm not afraid of the Saudi regime. The only thing I'm afraid of is my conscience. I will not submit to censorship. https://t.co/7fPIWsuMU6
— Arjun Sethi (@arjunsethi81) December 18, 2015
อัลจาซีรา เป็นสำนักข่าวที่ตั้งอยู่ในกาตาร์ ได้รับงบสนันจากรัฐบาล เปิดตัวในปี 1996 ได้รับความน่าเชื่อถือในเรื่องการรายงานข่าวที่เป็นอิสระ
เครือข่ายข่าวในขณะนี้นับว่าใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง มีสำนักงาน 80 แห่งทั่วโลก
งบสนับสนุนบางส่วนได้มาจากราชวงศ์อัษษานี ซึ่งเป็นผู้ปกครองของกาตาร์ และเจ้าหน้าที่ของอัลจาซีราห์ยืนว่าองค์กรมีความเป็นอิสระจากรัฐบาลกาตาร์ในการรายงานข่าว
ตามรายงานของดิอีโคโนมิสต์ (The Economist) ระบุว่า อัลจาซีราได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมชาวอาหรับต่อการรายงานข่าวเข้าข้างกบฏในลิเบียและซีเรียซึ่งเป็นนักรบที่กาตาร์ให้การสนับสนุน และรายงานเข้าข้างกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในอียิปต์ที่เป็นพันธมิตรกับกาตาร์ นอกจากนั้นอัลจาซีร่าก็ยังถูกกล่าวหาว่าเมินเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยกลุ่มกบฏเดียวกันนั้น
ในปี 2013 พนักงานอัลจาซีรา 22 คนในอียิปต์ลาออกโดยอ้างว่าองค์กรมีความลำเอียงเข้าข้างกลุ่มภราดรภาพมุสลิม
กาตาร์ปกครองโดยระบอบราชาธิปไตยภายใต้การนำของ เชค ตะมีม บิน ฮามิด อัษษานี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับซาอุดีอาระเบียต่อต้านรัฐบาลซีเรียและเเข้าร่วมกับซาอุดีอาระเบียต่อต้านกบฏฮูซีในเยเมน
หลังจากมีการพูดถึงบทความดังกล่าว สำนักงานใหญ่ของอัลจาซีราในโดฮาบอกกับอินเตอร์เซ็บท์ ว่า “หลังจากที่ได้รับฟังจากผู้ชมจากสถานที่ต่างกันทั่วโลกว่าหน้าเว็บของเราหลายหน้าไม่สามารถใช้งานได้นั้น เราได้เริ่มตรวจสอบสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น และเราหวังว่าจะได้รับแก้ไขในไม่ช้า”