โรคผิวหนังอย่างกลากเกลื้อน เป็นโรคที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเป็น เพราะเป็นแล้วเสียบุคลิก และทำให้ดูเป็นคนไม่รักษาความสะอาด แต่ครั้นจะไปหาหมอก็อายหมอ หรือหลายคนก็กลัวจะเสียเงินจำนวนมาก จึงหันไปซื้อครีมรักษากลากเกลื้อนมาทาเอง ซึ่งสามารถทำได้เช่นกัน หากเป็นอาการในเบื้องต้นและไม่รุนแรง วันนี้เราเลยจะมาบอกเล่าก้าวสิบเกี่ยวกับโรคกลากเกลื้อน และวิธีใช้ครีมทารักษากลากเกลื้อนให้ได้ผล
โรคกลากเกลื้อนคืออะไร
แม้ว่าเราจะชอบพูดคำว่า โรคกลากเกลื้อนอยู่บ่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า โรคกลากและโรคเกลื้อนเป็นคนละโรคกันและมีอาการที่แตกต่างกันออกไป
โรคกลาก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรากลุ่ม เดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophytes) มีลักษณะเป็นผื่นแดง รูปวงกลมหรือวงแหวน และบริเวณขอบจะมีลักษณะเป็นขุย ๆ สามารถติดต่อกันได้ง่าย และสามารถติดต่อได้จากสัตว์เลี้ยงอีกด้วย เราจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า ผ้าขนหนู และพยายามหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกายที่อับชื้น โดยกลากพบได้หลากหลายบริเวณของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นที่ศีรษะ หน้า ลำตัว เล็บ แขนขา ขาหนีบ หรือว่าเท้า
โรคเกลื้อน เกิดจากเชื้อรากลุ่มมาลาสซีเซีย เฟอร์เฟอร์ (Malassezia furfur) ซึ่งเป็นเชื้อราที่อยู่ตามผิวหนังอยู่แล้ว แต่จะถูกกระตุ้นให้กระจายวงกว้างมากยิ่งขึ้นเมื่อเปียกชื้นจากเหงื่อ หรือเสื้ออับ ๆ ลักษณะจะเป็นผื่นที่จะเปลี่ยนสีผิวหนัง กระจายอยู่ตามร่างกาย
วิธีใช้ครีมรักษากลากเกลื้อน
สำหรับการใช้ครีมรักษากลากเกลื้อนให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว แนะนำให้ทาครีมรักษากลากเกลื้อนวันละ 2 รอบ หลังจากอาบน้ำและเช็ดตัวให้แห้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้ทาบาง ๆ บริเวณที่เป็นกลากเกลื้อน และทาครีมรักษากลากเกลื้อนเลยออกไปจากบริเวณที่มีรอยโรคอีกประมาณ 1-2 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากว่าต้องการให้หายอย่างรวดเร็ว อาจจะต้องรับประทานยาควบคู่กันไปด้วย แนะนำให้ไปพบแพทย์ หรือปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้ได้ยาที่ตรงกับโรคจริง ๆ
สำหรับโรคกลากเกลื้อนตามลำตัวอาจจะต้องทาครีมรักษากลากเกลื้อนติดต่อกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ รอยโรคถึงจะหายไป ส่วนที่เท้าจะอยู่ที่ประมาณ 4-6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เมื่อรอยจางหายไปแล้ว แนะนำให้ทาต่อเนื่องไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีเชื้ออยู่ที่ผิวหนังแล้วจริง ๆ
นอกจากการทาครีมรักษากลากเกลื้อนแล้ว แนะนำให้ทำความสะอาดร่างกาย และอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 รอบ เช็ดให้แห้ง และหลีกเลี่ยงการใส่เสื้ออับ เปียกชื้น หรือมีเหงื่อ หากว่าเป็นคนเหงื่อออกง่าย แนะนำให้พกเสื้อผ้าชุดสำรองไปเปลี่ยน เพื่อที่จะไม่ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายมากขึ้นกว่าเดิม