บีบีซีไทย รายงานว่า เช้านี้ (29) ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีที่ทนายสมชาย นีละไพจิตร หายตัวไป โดยมีการฎีกาในสองประเด็น คือประเด็นที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวของทนายสมชาย และคำร้องของครอบครัวทนายสมชายขอเป็นโจทก์ร่วม
โดยศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องพนักงานสอบสวน และยกคำร้องของครอบครัว
คดีนี้ อัยการเป็นโจทก์ฟ้องผู้ต้องหาคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 ราย ได้แก่ พ.ต.ต.เงิน ทองสุข, พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์, จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง, ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวนเป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในข้อหาฐานความผิดร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และข่มขืนใจผู้อื่น ซึ่งศาลชั้นต้นยกฟ้อง จำเลยที่ 2-5 ส่วนจำเลยที่ 1 นั้นศาลเห็นว่ากระทำผิด ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นและข่มขืนใจผู้อื่น ต่อมาในชั้นอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งห้าด้วยเหตุผลว่าหลักฐานไม่เพียง พอ ซึ่งทางอัยการมีความเห็นจะไม่ยืนฎีกาต่อ ครอบครัวจึงยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม เพื่อยื่นฎีกาในคดีดังกล่าว
วันนี้ศาลฎีกามีคำตัดสินยืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์โดยยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 และยกคำร้องของครอบครัวทนายสมชายในการเข้าเป็นโจทก์ร่วม ผลของคำตัดสินวันนี้ ครอบครัวของทนายสมชายไม่มีสิทธิในการยื่นฎีกา นายสมชาย นีละไพจิตร เป็นอดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม หายตัวไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 โดยขณะที่มีชีวิตอยู่ เขาทำหน้าที่เป็นทนายความให้กับผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้หลายรายรวมถึงผู้ต้องหาในคดีปล้นอาวุธปืน ซึ่งบางรายระบุว่าถูกซ้อมทรมาน