มุสลิมไทยชุมนุมหนุนปาเลสไตน์-ประณามอิสราเอล ทนายนกเขา-ตู่ จตุพร ร่วมปราศรัย

ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำชีอะห์ไทย นำชาวมุสลิมไทยชุมนุมหน้าสถานทูตอิสราเอล แสดงจุดยืนหนุนปาเลสไตน์-ประณามยิวไซออนิสต์ อ่านสารผู้แทนฮามาสประจำอิหร่าน “ทนายนกเขา-ตู่ จตุพร” ร่วมปราศรัย 

วันเสาร์ ที่ 21 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. ชาวมุสลิมไทยนำโดยซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำศาสนามุสลิมชีอะห์ไทย ร่วมด้วยองค์กรรณรงค์เพื่อความเป็นเอกภาพของปาเลสไตน์ หรือ Palestine Solidarity Campaign Thailand (PSC Thailand) และสมาพันธ์คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้จัดการชุมนุมเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ร้องความเป็นธรรมให้ฉนวนกาซา-ปาเลสไตน์ ที่หน้าอาคารโอเชี่ยน ทาวเวอร์ เขตวัฒนา กรุงเทพ กรุงเทพฯ สถานที่ตั้งของสถานทูตอิสราเอล

ผู้ชุมนุมประมาณหนึ่งพันคนมีการชูป้ายที่มีข้อความสนับสนุนปาเลสไตน์และประณามอิสราเอล พร้อมตะโกนร่วมกันว่า ‘อิสราเอลจงพินาศ’ ขณะที่แกนนำได้ผลัดกันปราศรัย เนื้อหาโดยหลักเป็นการโจมตีชาวยิว รัฐอิสราเอล และสหรัฐอเมริกา หนึ่งในชาติจะวันตกที่มีส่วนสนับสนุนการทำสงครามบริเวณฉนวนกาซา รวมถึงประณามการโจมตีของอิสราเอลต่อโรงพยาบาลในฉนวนกาซ่าที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 500 ราย

ในการชุมนุมครั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เข้าร่วมปราศรัยด้วย โดยกล่าวถึงการถูกกดขี่ของชาวปาเลสไตน์

แสดงออกเชิงสัญลักษณ์

ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำมุสลิมชีอะห์ไทยและผู้นำการชุมนุมครั้งนี้ กล่าวปราศรัยว่า ณ ที่แห่งนี้ไม่มีศาสนา ไม่มีนิกาย มีแต่มนุษย์ผู้รักความเป็นธรรม ผู้ไม่ยอมรับการกดขี่ เพราะมีประโยคที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่า “การเข้าใจปัญหาปาเลสไตน์ เข้าใจการกดขี่ในปาเลสไตน์นั้น ถ้าเรามีความเป็นมนุษย์ก็เพียงพอที่จะทำให้เรารู้ว่าจะต้องยืนอยู่ข้างไหน”

“สำหรับชาวมุสลิมนั้น คำภีร์อัลกุรอ่านระบุว่า มุสลิมคือเรือนร่างเดียวกัน ส่วนใดเจ็บส่วนอื่นก็ต้องเจ็บไปด้วย ดังนั้นเมื่อพี่น้องของเราที่กาซ่าถูกฆ่าและกดขี่ เราคนไทยก็ต้องเจ็บด้วย”

ซัยยิดสุไลมานกล่าวต่อว่า ชาวปาเลสไตน์ ถูกกดขี่ข่มเหงรังแกมานาน 75 ปี ในรูปแบบที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน “ยิวกลุ่มหนึ่งอพยพจากยุโรปมาขึ้นบกแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้ามายึดแผ่นดดินที่มีผู้คนอาศัยอยู่แล้วหลายร้อยปี แล้วก็บอกกับชาวปาเลสไตน์เหล่านั้นให้ออกจากแผ่นดินไป เพราะแผ่นดินนี้ถูกสัญญาจากพระเจ้าว่าเป็นของพวกเรา”

“ถ้าจะยกตัวอย่างให้คนไทยเข้าใจง่ายก็สมมุติว่า วันนี้พวกขอม พวกมอญ หรือชนอื่นๆ ฟื้นคินชีพขึ้นมา แล้วบอกกับคนไทยว่าพวกคุณออกไปจากแผ่นดินนี้ เพราะแผ่นดินนี้บรรพบุรุษของเราเคยเป็นเจ้าของเมื่อหลายพันปีก่อน ถามว่าชาวไทยจะตอบผู็ที่มายึดดินแดนแบบนี้อย่างไร” ซัยยิดสุไลมานกล่าว

“แต่พวกยิวเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และชาติยุโรปทั้งหมด ด้วยอาวุธนานาชนิด เริ่มต้นจากฆ่าล้างเผ่าพันธ์ตั้งแต่ 75 ปีที่แล้วจนถึงทุกวันนี้ ฆ่าล้างหมู่บ้าน ล้างจังหวัด และทุกรูปแบบของการเข่นฆ่า ไปจนกระทั่งใช้ระเบิดฟอสฟอรัสขาวที่เป็นอาวุธต้องห้ามในสงคราม จนกระทั่งวันนี้ชาวปาเลสไตน์จึงได้ลุกขึ้นสู้แบบถวายชีวิต”

หลังจากเกิดสงครามที่ฉนวนกาซา ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุการเกิดสงครามนี้ เกิดมาจากการถูกกดขี่ข่มเหงของประเทศอิสราเอล ชาวปาเลสไตน์จึงออกมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และพี่น้องชาวมุสลิมที่อยู่ที่นั่นก็กำลังต่อสู้ จึงได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ ออกมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวมุสลิมที่กำลังต่อสู้อยู่ที่ฉนวนกาซา วันนี้จึงมาแสดงพลังให้คนทั้งโลกได้เห็นพลังของชาวมุสลิม ว่ามีการรักใคร่สามัคคีกันแค่ไหน ชาวปาเลสไตน์ ถูกข่มเหงรังแกมา 75 ปี ขณะที่ชาติตะวันตกก็สนับสนุน ให้ชาวยิวเข้ามา มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยที่สหประชาชาตินิ่งเฉย

ซัยยิดสุไลมาน กล่าวอีกว่า วันนี้มาต่อสู้เพื่อชาวปาเลสไตน์ ในเชิงสัญลักษณ์ และมาเพื่อต้องการเรียกร้องว่าอย่าปิดตากับการกดขี่ เพราะการกดขี่คือความชั่วที่ร้ายแรงที่สุด และเชื่อว่า ถ้าปัญหาปาเลสไตน์ไม่จบ โลกทั้งโลกจะต้องเจ็บปวด เพราะวันนี้สงครามเริ่มขยายออกไป ซึ่งสหประชาชาติ ยังไม่ออกมาพูดอะไร สหประชาชาติถูกตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องชาวโลก แต่ในทางปฏิบัติกลับออกมาปกป้องชาวยิว

“เราอยู่ในไทย เราไม่สามารถจับอาวุธได้ เราไม่สามารถสู้ในรูปแบบอื่นได้ ถ้าเราทำได้เราก็จะทำ แต่เพราะเราเป็นคนไทย เราจึงไม่ทำสิ่งใดที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย เราจึงจะต่อสู้กับพวกเขาในเชิงสัญลักษณ์ เรามาในวันนี้เพื่อจะบอกกับชาวไทยทุกคนและต้องการบอกกับสื่อว่า อย่าปิดตากับการกดขี่นี้ เพราะการกดขี่คือการกดขี่ วันหนึ่งกดขี่ที่หนึ่งอีกวันหนึ่งการกดขี่ก็จะเกิดขึ้นที่อื่นทั่วโลก การยอมรับการกดขี่นั้นคือความชั่วที่ร้ายแรงที่สุด” ผู้นำชีอะห์แห่งประเทศไทยกล่าว

นอกจากนี้ซัยยิดสุไลมาน ยังพูดถึงแรงงานคนไทยที่ถูกจับกุมตัวด้วย โดยยืนยันว่า กลุ่มฮามาส จะไม่ทำอันตรายใดกับพวกเขา และจะได้รับการปล่อยตัวโดยเร็วที่สุดแน่นอน เพราะตัวประกัน เชลย หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่อิสราเอล ฮามาสได้ประกาศแล้วว่าพวกเขาคือแขก แต่ต้องรอสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย

จากนั้นผู้ชุมนุมปิดท้ายด้วยการเผาธงอิสราเอลเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ และประณามอิสราเอล

ผู้แทนฮามาสประจำอิหร่านส่งสารถึงชาวไทยที่มาชุมนุม

ในการชุมนุมครั้งนี้ ดร.คอลิด กัดดูมี ผู้แทนขบวนการฮามาส สำนักงานกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ได้ส่งสารมาถึงผู้ชุมนุมไทยโดยซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ได้อ่านสารดังกล่าวในการชุมนุมและมีการเผยแพร่คลิปในเวลาต่อมา ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตายิ่งเสมอ

ขอขอบคุณท่านทั้งหลายที่มาในวันนี้ การเดินขบวนครั้งนี้เป็นการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคุณร่วมกับชาวปาเลสไตน์ ประชาชนของเราในปาเลสไตน์พวกเรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างสูงที่คุณกำลังดิ้นรนต่อสู้ไปพร้อมกับเราคุณกำลังยืนหยัดร่วมกับเรา

พวกคุณเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เสียงเรียกร้องที่มีตรรกเหตุผลของคุณได้ไปถึงยังชาวปาเลสไตน์ว่า “เราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เพราะนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพทุกแห่งหนในโลกพวกเขาได้อยู่กับเรา”

เราขอขอบคุณสำหรับความพยายามของคุณเพื่อที่จะปลดปล่อยดินแดนของเรา และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันชอบธรรมตามกฎหมายซึ่งถูกมอบแก่เราโดยกฎหมายระหว่างประเทศ

เราอยู่ในสงครามแห่งการปลดปล่อยและเพื่อต่อสู้กับความโหดร้ายป่าเถื่อนของอิสราเอล ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลา 75 ปีแล้ว

นับตั้งแต่การก่อตั้งระบอบปกครองป่าเถื่อนไซออนิสต์เหนือถิ่นกำเนิดของเรา พวกเขาไม่เคยรับฟังนานาประเทศเลย พวกเขาไม่เคยรับฟังสารอย่างต่อเนื่องจากเราที่มีไปยังประชาคมระหว่างประเทศเพื่อให้หยุดยั้งความโหดเหี้ยมเหล่านั้น

วันนี้เราได้เริ่มต้น “พายุอัลอักซอ” เพื่อที่เราจะสามารถดำรงอยู่ได้เช่นเดียวกับประเทศที่สงบสุขอื่นๆ ของโลกใบนี้ แต่มันจะต้องไม่ถูกแลกมาด้วยการสละซึ่งสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเรา เราต้องการให้อัล-อักซอ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งแรกของเราได้รับการปลดปล่อย กระทรวงของรัฐบาลอิสราเอลหัวรุนแรงที่สุดโต่งเหล่านี้ พวกเขาเข้าไปในอัลอักซอ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา พวกเขาไปในโบสถ์ต่างๆ ของอัลกุดส์และพวกเขาหมิ่นเกียรติสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราทั้งอัลกุดส์ และอัลอักซอ

พวกเขายังคงปิดล้อมฉนวนกาซาต่อไปและพวกเขากำลังก่อให้เกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมอย่างหนักหน่วง และกำหนดให้ประชาชนของเราไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้าเราขาดแคลนปัจจัยทางการแพทย์มากกว่า 65% ยาหลายชนิดๆ ว่างเปล่าบนชั้นวางของเรา พวกเขากาลังปิดทางออก “ระฟาฮ์” ซึ่งเป็นทางออกเดียวสำหรับชาวปาเลสไตน์ที่จะออกไปนอกปาเลสไตน์ และกลับเข้ามายังปาเลสไตน์ อิสราเอลได้โจมตีถล่มทางออกนั้นและพวกเขาไม่อนุญาตให้สงครามยุติลง และไม่อนุญาตให้นำเข้าการช่วยเหลือทางการแพทย์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ท่านทั้งหลายถูกร้องขอจากเราว่า ช่วยส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาลของคุณเอง ในการทำให้ระบอบไซออนิสต์ต้องเป็นอัมพาตและเพื่อหยุดยั้งความโหดร้ายเหล่านั้น วันนี้ การต่อสู้ของเรา สามารถปกป้องประชาชนของเรา ด้วยความกล้าหาญ ด้วยวีรกรรมที่แกร่งกล้าโดยเผชิญหน้าแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน กับทหารอิสราเอล เราได้ต่อสู้กับทหารอิสราเอลเราไม่เคยมุ่งเป้าไปที่พลเรือน แม้ว่าชาวอิสราเอลจะฆ่าทารกผู้บริสุทธิ์ของเรา และแม้ว่าทารกนั้นจะอยู่ในครรภ์ของมารดาก็ตาม 35% จากเหล่าผู้สละชีพ และอีก 2,600 คนของเราในปัจจุบันเป็นเด็ก พวกเขาเป็นผู้หญิงและมีพลเรือนวัยชราได้รับบาดเจ็บมากกว่า 6,000 คนในฉนวนกาซา

การถูกสังหารโดยตรงจากการทิ้งระเบิดของกองทัพอิสราเอลระหว่างการรุกรานสิบกว่าวันมานี้ เราต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง แต่ผมขอบอกไปยังพวกคุณ พี่น้องชาย-หญิง ในประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร พวกคุณเป็นผู้ยิ่งใหญ่ คุณจะอยู่กับเราในเส้นทางแห่งการปลดปล่อยในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของฝ่ายเรา และของประชาชนของเรา เราจะดำเนินการต่อสู้นี้ต่อไป การต่อสู้ที่ถูกต้องตามกฎหมายนี้ จนกว่าเราจะมีอิสรภาพอย่างสมบูรณ์แบบ

เรามีนักโทษ 4,000 คน (ที่ถูกอสราเอลควบคุมตัว) ในจำนวนนี้ เป็นเด็กหลายคนและมีผู้หญิงอยู่มากมาย ไม่มีใครฟังเสียงของเรา วิธีเดียวที่เป็นไปได้คือหนทางแห่งการต่อสู้ดิ้นรน และเราจะดำเนินการต่อสู้ต่อไปเราจะต่อสู้ดิ้นรนจนบรรลุอิสรภาพที่สมบูรณ์ และยุติการยึดครองแห่งเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากยุคแห่งการล่าอาณานิคมเก่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ใช่แล้ว! มาร่วมกับเราเถิด มาร่วมกับเรา สู่เสียงเรียกร้องนี้ และโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของอิสรภาพของเรา มาเป็นส่วนหนึ่งในการปลดปล่อยของเรา และเราทุกคนมาปลดปล่อยปาเลสไตน์ร่วมกัน

ขอขอบคุณพวกคุณเป็นอย่างมาก สำหรับการออกมาปกป้องของคุณขอขอบคุณ คุณคนไทย ที่อยู่เคียงข้างเราเราขอขอบคุณเป็นอย่างมาก และเป็นอย่างสูง

ขอความสันติพึงประสบแด่ท่าน

คอลิด กัดดูมี
ผู้แทนสำนักงานฮามาสประจำกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน