อัลจาซีรา/CNBC – ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลและประเทศในอเมริกาใต้จำนวนหนึ่งย่ำแย่ลงท่ามกลางการโจมตีทางทหารอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลในฉนวนกาซา โบลิเวียตัดความสัมพันธ์ โคลอมเบีย-ชิลีเรียกทูตกลับประเทศ
เมื่อวันอังคาร (1 พ.ย.) ประเทศโบลิเวียได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล อันเป็นผลจากการเสียชีวิตของพลเรือนที่เกิดจากสงครามในฉนวนกาซา ขณะที่ประเทศชิลีและโคลอมเบียได้เรียกเอกอัครราชทูตของตนในเทลอาวีฟกลับประเทศ
โบลิเวีย “ตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์ทางการฑูตกับรัฐอิสราเอลเพื่อต่อต้านและประณามการโจมตีทางทหารของอิสราเอลที่ก้าวร้าวและไม่สมส่วนซึ่งเกิดขึ้นในฉนวนกาซา” เฟรดดี้ มามานี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อคืนวันอังคาร
ขณะที่รัฐมนตรีสำนักประธานาธิบดีโบลิเวีย มาเรีย เนลา ปราดา ยังประกาศด้วยว่าประเทศจะส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังฉนวนกาซา
นอกเหนือจากการยุติความสัมพันธ์ทางการฑูตกับอิสราเอลแล้ว เธอยังกล่าวว่ารัฐบาลโบลิเวีย “เรียกร้องให้ยุติการโจมตีในฉนวนกาซา ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้นำไปสู่การเสียชีวิตของพลเรือนหลายพันคน และการบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องพลัดถิ่น”
ท่าทีดังกล่าวทำให้ โบลิเวีย เป็นประเทศแรกในภูมิภาคละตินอเมริกาที่ประกาศตัดความสัมพันธ์กับอิสราเอล นับแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสปะทุขึ้น เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
ต่อมากระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลระบุในแถลงการณ์กล่าวหาโบลิเวียว่า “ยอมจำนนต่อการก่อการร้ายและต่อระบอบอยะตุลลอฮ์ในอิหร่าน”
วันเดียวกัน ผู้นำของประเทศโคลอมเบียและชิลีต่างออกมาคัดค้านการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลด้วยการเรียกตัวเอกอัครราชทูตของประเทศตนเองประจำอิสราเอลกลับ เพื่อแสดงการประท้วง โดยผู้นำชิลีชี้ว่าการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศของอิสราเอลเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ข้อความบนเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย X ประธานาธิบดีกาเบรียล โบริกของชิลีกล่าวหาอิสราเอลว่า “ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างไม่อาจยอมรับได้”
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ของโคลอมเบียยังเขียนถึง X อีกด้วย โดยเรียกการโจมตีดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์”
ที่ผ่านมา ประเทศที่เอนเอียงไปทางซ้ายในละตินอเมริกามักจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อประเด็นปัญหาของชาวปาเลสไตน์ ในขณะที่ประเทศฝ่ายขวาส่วนใหญ่มักจะปฏิบัติตามผู้นำของสหรัฐอเมริกา