3 พ.ย. เวลาประมาณ 19.30 น. (เวลาไทย) “ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์” ผู้นำฮิซบุลเลาะห์ ขบวนการต่อสู้แห่งเลบานอน ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มสงครามอิสราเอล–ฮามาสในฉนวนกาซาปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้
1.นัสรุลเลาะห์เริ่มกล่าวสุนทรพจน์โดยยกย่อง “ผู้พลีชีพ” ของฮิซบุลเลาะห์และกลุ่มอื่นๆ ที่ต่อสู้กับอิสราเอล เช่นเดียวกับพลเรือนที่ถูกสังหาร
2.เขาระบุว่าการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมทางตอนใต้ของอิสราเอล เป็น “เหตุการณ์สำคัญที่จะเขย่าการกดขี่ การยึดครอง ทำลายระบอบการปกครองของไซออนิสต์และผู้สนับสนุนที่อยู่ในวอชิงตันและลอนดอน”
3.ผู้นำฮิซบุลเลาะห์กล่าวว่า ปฏิบัติการพายุอัล–อักซอของกลุ่มฮามาสทำให้เกิดแผ่นดินไหวในอิสราเอล มีผลกระทบเชิงกลยุทธ์และอัตถิภาวนิยม และจะทิ้งผลกระทบต่อปัจจุบันและอนาคตของอิสราเอล
4. ผู้นำฮิซบุลเลาะห์กล่าวว่า ปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลนี้เป็นการตัดสินใจของชาวปาเลสไตน์ 100 เปอร์เซ็นต์ และเป็นอิสระจากอิหร่าน และผู้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงคือผู้นำของกลุ่มต่อสู้เหล่านั้น เขาอ้างว่า “ความลับที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทั้งหมด” เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมพิสูจน์ว่าการโจมตีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับวาระของชาวปาเลสไตน์เท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับ “ปัญหาระหว่างประเทศหรือภูมิภาคใดๆ” แต่ในทางกลับกันเขาชี้ว่า ประเทศต่างๆ ทั่วโลกส่งประธานาธิบดี รัฐมนตรี นายพล คลังแสง และเงินหลายพันล้านของพวกเขาไปยังอิสราเอล เพื่อสนับสนุนประเทศนี้
5. ปฏิบัติการของฮามาสได้เปิดฉากประวัติศาสตร์ใหม่ในการต่อสู้กับอิสราเอล การตัดสินใจของกลุ่มฮามาสในการเปิดปฏิบัติการพายุอัลอักซอนั้นถูกต้อง ชาญฉลาด และกล้าหาญ โดยเสริมว่าได้ดำเนินการในเวลาที่เหมาะสม
6. นัสรุลลอฮ์กล่าวว่าข้อผิดพลาดหลักประการหนึ่งของอิสราเอลคือการ “ตั้งเป้าหมายอันสูงส่งซึ่งไม่สามารถบรรลุได้” และชี้ให้เห็นเหตุการณ์ในอดีต เมื่อปี 2549 ซึ่งตอนนั้นอิสราเอลได้กำหนดเป้าหมายที่จะบดขยี้ฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน และต้องการนำศพของนักโทษสองคนกลับคืนมาโดยไม่มีการเจรจาและการแลกเปลี่ยนกัน แต่อิสราเอลก็ดำเนินการในสงครามนี้ได้เพียง 33 วัน และวันนี้ในฉนวนกาซาสถานการณ์ก็เเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
7. “อิสราเอลไม่สามารถนำตัวประกันกลับมาได้หากไม่มีการเจรจา” นัสรุลเลาะห์กล่าว
8. เขากล่าวว่าอิสราเอลนั้นอ่อนแอ “เปราะบางยิ่งกว่าใยแมงมุม” และกล่าวว่าตลอดทั้งเดือนที่ทำสงครามกับฮามาส อิสราเอลไม่สามารถประสบความสำเร็จทางทหารได้แม้แต่ครั้งเดียว
9. เขากล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้รับผิดชอบต่อสงครามในฉนวนกาซาโดยสิ้นเชิง และเรียกอิสราเอลว่าเป็นเพียงเครื่องมือบริหารของสหรัฐเท่านั้น เขากล่าวหาสหรัฐฯ ว่ายังคง “นิ่งเงียบ” เมื่อเผชิญกับ “ภาพเด็กทารกและเด็กหลายพันคนที่ถูกแยกออกจากกันในฉนวนกาซาอันเป็นผลมาจากขีปนาวุธของอิสราเอล” นัสรุลเลาะห์กล่าวว่าการตอบสนองของสหรัฐฯ ได้เปิดโปง “ความหน้าซื่อใจคด” ของชาติตะวันตกในประเด็นต่างๆ เช่น ประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
10.นัสรุลเลาะห์ยังสรุปเป้าหมายสองประการ เป้าหมายแรกคือการหยุดสงครามในฉนวนกาซา และเป้าหมายที่สองคือเพื่อให้กลุ่มฮามาสได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้ ประเทศอาหรับและมุสลิมควรทำงานร่วมกันเพื่อหยุดสงครามในฉนวนกาซา
11. กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ได้เข้าสู่การสู้รบตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม หนึ่งวันหลังจากกลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอล เขากล่าวว่าการยิงปะทะกับกองกำลังอิสราเอลทุกวันตามแนวชายแดนเลบานอนอาจดูเรียบง่ายแต่มีความสำคัญมาก โดยเรียกได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ปี 1948 และระบุว่า กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ได้เพิ่มการปฏิบัติการของตนในแต่ละวัน ซึ่งบังคับให้อิสราเอลต้องคงกองกำลังหนึ่งในสามของตนไว้ใกล้ชายแดนเลบานอน แทนที่จะเข้าไปยังฉนวนกาซาหรือเวสต์แบงก์ เขายืนยันด้วยว่าจนถึงขณะนี้มีนักรบฮิซบุลเลาะห์ 57 คนแล้วที่ถูกสังหารจากการปะทะกับอิสราเอล
12.เขาได้เรียกร้องให้ประเทศอาหรับอื่นๆ และชาติมุสลิมช่วยเหลือฉนวนกาซา “เรากำลังเรียกร้องให้รัฐอาหรับและมุสลิมตัดน้ำมัน ก๊าซ และอาหารจากอิสราเอล” นัสรุลเลาะห์กล่าวซึ่ง สะท้อนข้อเรียกร้องของอิหร่านที่กล่าวเช่นนี้เมื่อต้นสัปดาห์นี้
13. ผู้นำกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ระบุว่า มีความเป็นไปได้อย่างแท้จริงที่แนวรบเลบานอนจะขยายเป็นวงกว้างขึ้น โดยเตือนว่าพัฒนาการดังกล่าวขึ้นอยู่กับการกระทำของอิสราเอลในฉนวนกาซา
14.ผู้นำกลุ่มฮิซบุลเลาะห์กล่าวว่า ผู้ใดที่ต้องการป้องกันมิให้เกิดสงครามในภูมิภาค ก็ต้องหยุดการรุกรานของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาโดยเร็ว
บีบีซีวิเคราะห์ก่อนหน้าว่า สุนทรพจน์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะบ่งบอกถึงความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของกลุ่มนี้ เนื่องจากนักรบของกลุ่มและกองทัพอิสราเอลกำลังมีส่วนร่วมในการโจมตีอย่างรุนแรงบริเวณชายแดนเลบานอน-อิสราเอล สิ่งนี้ทำให้เกิดความกลัวว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจกลายเป็นแนวหน้าในความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ความรุนแรงยังคงจำกัดวงเป็นส่วนใหญ่
ขณะที่อัลจาซีราระบุว่า ก่อนสุนทรพจน์หลายคนคาดหวังว่านัสรุลเลาะห์จะประกาศความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของกลุ่ม แต่เขาไม่ยอมทำเช่นนั้น แต่กลับประณามการโจมตีของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา