เอาคืน! ปากีสถานยืนยันโจมตี ‘ผู้ก่อการร้าย’ บนดินแดนอิหร่าน

RT – ปากีสถานกล่าวว่า ได้เปิดการโจมตีทางอากาศหลายครั้งต่อ “ที่ซ่อนของผู้ก่อการร้าย” ทางตอนใต้ของอิหร่าน โดยอ้างว่าปฏิบัติการ “ที่แม่นยำ” สังหารกลุ่มติดอาวุธหลายคน

การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเตหะรานยิงขีปนาวุธโจมตีกลุ่มก่อการร้ายอีกกลุ่มหนึ่งในดินแดนปากีสถาน

ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นรายงานอ้างเจ้าหน้าที่อิหร่านระบุว่า เหตุระเบิดในจังหวัดซิสตานและบาโลจิสถาน ได้คร่าชีวิตบุคคลที่ไม่ใช่ชาวอิหร่านไป 7 ราย ซึ่งรวมถึงผู้หญิง 3 คนและเด็ก 4 คน

เตหะรานยังเรียกร้อง “คำอธิบายโดยทันที” จากปากีสถานเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว เพรส ทีวี สถานีวิทยุโทรทัศน์ของอิหร่านรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุชื่อ

กระทรวงการต่างประเทศของอิสลามาบัดยืนยันปฏิบัติการทางทหารเมื่อเช้าวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) โดยประกาศว่า ภารกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันก็ให้คำมั่นว่าจะ “ดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน”

“เมื่อเช้านี้ ปากีสถานได้ดำเนินการโจมตีทางทหารที่มีการประสานงานระดับสูงและกำหนดเป้าหมายโดยเฉพาะต่อที่ซ่อนตัวของผู้ก่อการร้ายในจังหวัดซิสตานและบาโลจิสถานของอิหร่าน ผู้ก่อการร้ายจำนวนหนึ่งถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการตามข่าวกรอง ซึ่งมีชื่อรหัสว่า ‘มาร์ก บาร์ ซาร์มาชาร์’” กระทรวงระบุในถ้อยแถลง

กระทรวงการต่างประเทศปากีสถานอธิบายต่อไปว่า ตนได้ส่งข้อความต่ออิหร่านเกี่ยวกับ “ข้อกังวลร้ายแรง” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับ “สถานที่หลบภัยและซุกตัวที่ผู้ก่อการร้ายชาวปากีสถานชื่นชอบ” ซึ่งมีฐานอยู่ในดินแดนอิหร่าน แต่กล่าวว่าเตหะรานล้มเหลวในการดำเนินการกับข้อร้องเรียนดังกล่าว โดยยืนยันว่าตน “เคารพอย่างเต็มที่” อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของอิหร่าน และการรักษาความมั่นคงของปากีสถานคือ “เป้าหมายเดียว” ของการโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดี

การโจมตีของอิสลามาบัดเกิดขึ้นหลังจากที่อิหร่านอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนเมื่อวันอังคารต่อแคว้นบาโลจิสถานของปากีสถาน ซึ่งพวกเขากล่าวว่ามุ่งเป้าไปที่กลุ่มก่อการร้ายเยชอัลอัดล์ (Jaish al-Adli) โดยในขณะนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาห์ฮียอน เน้นย้ำว่าการโจมตีดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่ “ผู้ก่อการร้าย” ของอิหร่านเท่านั้น ไม่ใช่พลเมืองชาวปากีสถาน

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการของอิหร่านทำให้ปากีสถานโกรธเคือง โดยเรียกเอกอัครราชทูตของตนประจำอิหร่านกลับประเทศ พร้อมทั้งเตือนเตหะรานถึง “ผลที่ตามมาร้ายแรง”

การโจมตีทั้งสองครั้งเกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอล เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาอิหร่านยังได้โจมตีสิ่งที่อิหร่านเรียกว่าเป็น “ศูนย์จารกรรม” ของอิสราเอลในอิรัก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานกงสุลสหรัฐฯ รวมถึงผู้ก่อการร้ายกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย เพื่อตอบสนองต่อเหตุระเบิดสองครั้งก่อนหน้านี้ในอิหร่านซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ตามการระบุของเตหะราน