เก้าเดือนนับตั้งแต่ริยาดและเตหะรานฟื้นความสัมพันธ์หลังจากเป็นปรปักษ์มานานหลายปี ซาอุดีอาระเบียได้รับบทบาทใหม่เป็นตัวกลางระหว่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกา แหล่งข่าว 3 รายในอิหร่านบอกกับสำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อาย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในริยาดเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดข้อความระหว่างประเทศ และลดความตึงเครียดเกี่ยวกับสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา
กระบวนการนี้เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “ฮุสเซน อามีร์อับดุลลาฮียาน” เข้าร่วมการประชุมสุดยอดฉุกเฉินในกรุงริยาดเกี่ยวกับสงครามฉนวนกาซา โดยมีผู้นำจากองค์การความร่วมมืออิสลามและกลุ่มประเทศสันนิบาตอาหรับเข้าร่วม
คนวงในชาวอิหร่านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บอกกับมิดเดิลอีสต์อายว่า อามีร์อับดุลลาฮียานได้ส่งข้อความให้กับเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียเพื่อส่งต่อผ่านไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการตอบสนองของอิหร่านต่อสิ่งหนึ่งที่เพิ่งได้รับจากวอชิงตัน
จากนั้นซาอุดิอาระเบียได้ส่งข้อความนี้ไปยังเจ้าหน้าที่อาวุโสในวอชิงตัน แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวอีกรายในกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านบอกกับมิดเดิลอีสต์อายว่า ซาอุดีอาระเบียถูกใช้เป็นช่องทางระหว่างทั้งสองฝ่ายควบคู่ไปกับโอมาน กาตาร์ และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งบางครั้งจะเป็นตัวแทนทางการทูตของสหรัฐฯ ในกรุงเตหะราน
ทั้งสี่ประเทศต้องทำงานประสานกันหลายครั้งนับตั้งแต่การโจมตีอิสราเอลที่นำโดยฮามาสและสงครามฉนวนกาซาปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
อิหร่านเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มปาเลสไตน์ และกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน เช่น กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน และขบวนการฮูซีในเยเมน ที่ได้โจมตีอิสราเอลรวมทั้งเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลและสหรัฐฯ ในขณะที่การโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลทวีความรุนแรงขึ้น
ตามแหล่งข่าวของกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านระบุ การสื่อสารที่ส่งผ่านระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ มุ่งเน้นไปที่การควบคุมความตึงเครียดและหลีกเลี่ยงไม่ให้บานปลายในภูมิภาค
แหล่งข่าวกล่าวว่า เตหะรานได้เตือนสหรัฐฯ เกี่ยวกับผลตามมาที่อาจเกิดขึ้น หากสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 24,000 ราย ทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคอยู่ในระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้
คำเตือนเหล่านี้รวมถึงอิสราเอลจะพ่ายแพ้ในสงครามระดับภูมิภาคที่ขยายวงกว้าง และเพิ่มแรงกดดันด้านความมั่นคงต่อกองทัพสหรัฐฯ
เสนอสิทธิประโยชน์
แหล่งข่าวรายแรกกล่าวว่าซาอุดีอาระเบียถูกใช้เป็นสื่อกลางเมื่อความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นหลังจากอิสราเอลลอบสังหารผู้บัญชาการอาวุโสของ “ฝ่ายอักษะต่อต้าน” ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศและกลุ่มติดอาวุธในภูมิภาคที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
หลังจากที่อิสราเอลสังหาร “ราซี มูซาวี” นายพลในกองกำลังกุดส์ของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม คณะผู้แทนซาอุดิอาระเบียเดินทางเยือนเตหะรานพร้อมข้อความจากวอชิงตันที่ระบุว่าสหรัฐฯ ต้องการควบคุมความขัดแย้งในฉนวนกาซา
ตามแหล่งข่าวแรก สหรัฐฯ เสนอแนะความเป็นไปได้ในการให้สิทธิประโยชน์จากอิสราเอล ประการหนึ่งคือสหรัฐฯ จะไม่ให้การหนุนหลังหรือสนับสนุนเจ้าหน้าที่อิสราเอลหัวรุนแรง ซึ่งครอบงำรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู
แหล่งข่าวกล่าวว่าสิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับอิหร่านที่ต้องไม่ขัดขวางความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์ระหว่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นกระบวนการที่ถูกขัดขวางเนื่องจากการปะทุของสงครามฉนวนกาซา
เมื่อวันที่ 8 มกราคม “ฮุสเซน อัคบารี” เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำซีเรียกล่าวว่า อิหร่านได้รับข้อความจาก “หนึ่งในประเทศอ่าวเปอร์เซีย”
จากข้อมูลของอัคบารี ประเทศนี้ได้ส่งคณะผู้แทนไปยังอิหร่านพร้อมข้อความจากชาวอเมริกัน โดยเสนอแผนเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งสำหรับทั้งภูมิภาค แทนที่จะพูดถึงสงครามในฉนวนกาซาเพียงอย่างเดียว สำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อายตั้งข้อสังเกตว่าประเทศอ่าวนี้คือซาอุดีอาระเบีย
คนวงในชาวอิหร่านอีกคนบอกกับมิดเดิลอีสต์อายว่า วอชิงตันใช้ช่องทางของซาอุดีอาระเบียเพื่อแจ้งเตหะรานว่า พวกเขากำลังจะโจมตีกลุ่มฮูซีของเยเมน ซึ่งกำลังโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดงเพื่อขัดขวางเสบียงและการพาณิชย์ของอิสราเอล
ข้อความดังกล่าวเรียกร้องให้อิหร่านยับยั้งกลุ่มพันธมิตรระหว่างการโจมตีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าการโจมตีต่อกลุ่มฮูซีในตอนแรกไม่ได้รุนแรงเกินไป แต่ถ้าเตหะรานตอบโต้อย่างเข้มแข็ง สหรัฐฯ ก็จะตอบโต้อย่างดุเดือดตามมา
กองกำลังสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศรอบแรกต่อกลุ่มเยเมนเมื่อวันที่ 12 มกราคม
วันนั้น ระหว่างการเยือนร้านกาแฟแห่งหนึ่งในอัลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ของสหรัฐฯ กล่าวว่า “ฉันได้ส่งข้อความไปยังอิหร่านแล้ว พวกเขารู้ว่าจะต้องไม่ทำอะไรเลย เราจะทำให้แน่ใจว่าเราจะตอบสนองต่อกลุ่มฮูซี หากพวกเขายังดำเนินพฤติกรรมอันอุกอาจนี้ต่อพันธมิตรของเรา”
อย่างไรก็ตาม “แมทธิว มิลเลอร์” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับมิดเดิลอีสต์อายว่า “คำกล่าวอ้างในบทความนี้ไม่เป็นความจริง”
มิดเดิลอีสต์อายได้สอบถามกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียเพื่อขอความคิดเห็นแล้วเช่นกัน (แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ)
ความปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
การสื่อสารที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างวอชิงตันและเตหะรานนี้สะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาของทั้งสองฝ่ายในการลดความตึงเครียดและหลีกเลี่ยงสงครามในภูมิภาคที่ใหญ่ขึ้น อดีตนักการทูตอิหร่านบอกกับมิดเดิลอีสต์อาย
อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจอย่างไม่เป็นทางการระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งต่างๆ ไว้ภายใต้การควบคุมกำลังถูกทดสอบโดยการโจมตีที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มติดอาวุธอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านต่อเป้าหมายของสหรัฐฯ อดีตนักการทูตรายนี้ระบุ
เมื่อปีที่แล้ว อิหร่านและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลง ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดลงอย่างมาก
สหรัฐฯ ผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรการขายน้ำมันให้กับอิหร่าน และในทางกลับกัน เตหะรานก็ตกลงที่จะควบคุมการโจมตีโดยพันธมิตรต่อสหรัฐฯ และลดการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม อิหร่านปล่อยตัวนักโทษ 5 คนที่มีสัญชาติสหรัฐฯ เพื่อแลกกับชาวอิหร่าน 5 คนในเรือนจำอเมริกัน และยกเลิกแช่แข็งทรัพย์สินของอิหร่านมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์
อดีตนักการทูตอิหร่านรายนี้เตือนว่า เว้นแต่จะมีการบรรลุข้อตกลงหรือความเข้าใจใหม่ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ มิฉะนั้นก็มีโอกาสที่วิกฤตนิวเคลียร์อาจระอุขึ้นพร้อมกับสงครามฉนวนกาซาหรือผลที่ตามมา
การมีส่วนร่วมของซาอุดีอาระเบียในฐานะคนกลางมีความสำคัญ ในเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมาเตหะรานและริยาดตกลงที่จะกลับมาสานสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบอีกครั้ง และเปิดสถานทูตอีกครั้ง
ความก้าวหน้าทางการทูตครั้งนี้เกิดขึ้นโดยจีนเป็นตัวกลาง หลังจากสองฝ่ายเป็นศัตรูกันอย่างรุนแรงถึง 7 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากการประหารชีวิตนิมร์ อัล-นิมร์ นักการศาสนาชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ในซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2559
เพื่อตอบโต้การเสียชีวิตของเขา ผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้บุกโจมตีสถานทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเตหะราน โดยที่ริยาดได้ตัดความสัมพันธ์ในเวลาต่อมา ท่ามกลางความตึงเครียดที่มีอยู่แล้วจากความขัดแย้งหลายประการในภูมิภาค เช่น สงครามซีเรีย