ซีบีเอส/รอยเตอร์/เอพี – ทหารสหรัฐ 3 นายเสียชีวิต และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 34 นาย จากการโจมตีด้วยโดรนไร้คนขับที่ฐานทัพแห่งหนึ่งในจอร์แดนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ม.ค. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และกองทัพสหรัฐฯ เผย
ในแถลงการณ์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวโทษการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นฝีมือของ “กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านที่ปฏิบัติการในซีเรียและอิรัก”
นายไบเดนกล่าวว่า การโจมตีเกิดขึ้นที่ฐานทัพแห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของจอร์แดน ใกล้กับชายแดนซีเรีย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งกล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นที่ด่านหน้าที่เรียกว่าทาวเวอร์ 22 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กองทัพบกและกองทัพอากาศสหรัฐฯ ประมาณ 350 นายประจำการอยู่ ตามการระบุของกระทรวงกลาโหม
กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (CENCOM) ซึ่งดูแลกองกำลังในตะวันออกกลาง เบื้องต้นระบุจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ 25 ราย แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 รายกลับออกมากล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มเป็นมากกว่า 30 รายแล้ว ล่าสุด CENCOM ยืนยันเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 34 ราย เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ 8 คนต้องอพยพออกไป โดยบางคนอาการสาหัส
เชื่อกันว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีทหารสหรัฐฯ ที่อันตรายที่สุดนับตั้งแต่มีชาวอเมริกัน 13 คนเสียชีวิตจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงคาบูล ขณะที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานในปี 2021 ซีบีเอสนิวส์ตั้งข้อสังเกต
รอยเตอร์สรายงานว่า กองกำลังนักรบในอิรักที่อิหร่านหนุนหลังได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบว่าได้โจมตีฐานทัพ 3 แห่ง รวมถึงฐานทัพสหรัฐบริเวณชายแดนจอร์แดน-ซีเรีย
นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาเริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้โจมตีฐานทัพทหารอเมริกันในอิรักมากกว่า 60 ครั้ง และในซีเรียมากกว่า 90 ครั้ง โดยมีโดรน จรวด ครก และขีปนาวุธผสมกัน การโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ถือเป็นการโจมตีครั้งแรกต่อกองทหารอเมริกันในจอร์แดนระหว่างสงครามอิสราเอล-ฮามาส และการโจมตีครั้งแรกที่ส่งผลให้ชาวอเมริกันเสียชีวิต เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมถึงบางคนได้รับบาดเจ็บที่สมองระหว่างการโจมตีนี้ เอพีระบุ
กลุ่มติดอาวุธกล่าวว่าการโจมตีของพวกเขาเป็นการตอบโต้ที่วอชิงตันสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามในฉนวนกาซา และพวกเขามีเป้าหมายที่จะผลักดันกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากภูมิภาค