“กลุ่มฮามาส” แห่งปาเลสไตน์ได้เปิดปฏิบัติการ “พายุอัล-อักซอ” จากฉนวนกาซาโจมตีอิสราเอลในดินแดนที่ถูกยึดครองเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้สร้างความตกตะลึงให้กับระบอบการปกครองอิสราเอลจนถึงแก่นแท้ เนื่องจากเป็นการโจมตีที่ครอบคลุมและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 75 ปีการยึดครองปาเลสไตน์ของอิสราเอล
ชาวอิสราเอลประมาณ 1,140 คนถูกสังหารในปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากนั้นชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติประมาณ 240 คนถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นเชลย
ในระหว่างการหยุดยิง 7 วันในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวนักโทษประมาณ 100 คนเพื่อแลกกับการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนออกจากเรือนจำของอิสราเอล
ความนิยมของเนทันยาฮูลดลงหลังการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยประชาชนอิสราเอลกล่าวหานายกรัฐมนตรีของตนว่าล้มเหลวในการเตรียมพร้อมกองกำลังความมั่นคงสำหรับการโจมตีดังกล่าว
การชุมนุมต่อต้านเนทันยาฮูยังเกิดขึ้นเป็นประจำนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง
ในช่วงสุดสัปดาห์ ชาวอิสราเอลหลายพันคนเดินขบวนประท้วงในหลายเมือง เรียกร้องให้ถอดถอนคณะรัฐมนตรีเนทันยาฮู
พวกเขายังกล่าวโทษเนทันยาฮูด้วยว่า เขาไม่สามารถปล่อยตัวเชลยชาวอิสราเอลที่เหลือซึ่งถูกคุมขังในฉนวนกาซาได้
สื่ออิสราเอลระบุว่า การต่อสู้ปะทุขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) ระหว่างผู้ประท้วงชาวอิสราเอลและตำรวจที่พยายามสลายฝูงชนในกรุงเยรูซาเล็มและเทลอาวีฟ
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Yedioth Ahronoth ตำรวจในเทลอาวีฟได้จับกุมผู้ประท้วงหลายคนในจัตุรัส Kaplan Square ใจกลางเมือง ในขณะที่หลายร้อยคนถูกสลายการชุมนุมโดยใช้กำลัง และอุปกรณ์ประท้วงบางส่วนถูกยึด
พื้นที่อื่นๆ หลายแห่ง รวมถึงไฮฟา, ซีซาเรีย, เคฟาร์ ซาวา, เรโฮวอต และเบียร์เชบา ได้พบเห็นการประท้วงที่คล้ายกัน ผู้ประท้วงเรียกร้องให้เนทันยาฮูก้าวลงจากตำแหน่งและเรียกร้องให้ปล่อยตัวเชลย
เนทันยาฮูวิพากษ์วิจารณ์การประท้วงของครอบครัวเชลยที่ถูกคุมขังในฉนวนกาซาว่า “ไร้ประโยชน์และมีส่วนสนับสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่มฮามาส”
เขายังคงต่อต้านอย่างรุนแรงต่อการหยุดยิงถาวรกับกลุ่มฮามาส แม้ว่าจะหมายถึงการนำตัวเชลยกลับบ้าน โดยโต้แย้งว่าเป็นเพียงการยืดเวลาก่อนที่กลุ่มต่อสู้แห่งปาเลสไตน์จะโจมตีอีกครั้ง
ในปัจจุบัน คำถามก็คือว่าเหตุใดเนทันยาฮูจึงปฏิเสธการเรียกร้องให้สงบศึก??
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลดูเหมือนจะพิจารณาแล้วว่า “ภาวะสงครามถาวรจะสามารถช่วยชีวิตเขาได้”
จากการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้จากดัชนีสันติภาพของมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ ชาวอิสราเอลมากกว่า 50% คิดว่าคณะรัฐมนตรีเนทันยาฮู “ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน” ในสงครามกับฉนวนกาซา
จากการสำรวจล่าสุดโดยสถาบันอิสราเอล ประชาชนชาวอิสราเอลไม่เห็นด้วยกับเนทันยาฮูอย่างท่วมท้น โดยมีเพียง 15% เท่านั้นที่ต้องการให้เขาอยู่ในอำนาจหลังสงคราม
และหลายคนดูเหมือนจะเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีมองว่าการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสเป็นเส้นชีวิตทางการเมืองของเขา
การสำรวจล่าสุดของช่อง 13 ยังพบว่าชาวอิสราเอล 53% เชื่อว่าการตัดสินใจของเขาในช่วงสงครามมีแรงจูงใจจากผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก
เนทันยาฮูให้คำมั่นว่าจะทำสงครามกับฉนวนกาซาต่อไปจนกว่ากองทัพของรัฐบาลจะกำจัดกลุ่มฮามาส
แต่เมื่อสงครามยืดเยื้อต่อไป ก็ชัดเจนมากขึ้นว่าเป้าหมายของเขาในการกวาดล้างกลุ่มฮามาสนั้นไม่สามารถทำได้
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “กาดี ไอเซนค็อต” รัฐมนตรีกระทรวงสงครามของอิสราเอล ดูเหมือนจะวิพากษ์วิจารณ์การจัดการสงครามฉนวนกาซาของเนทันยาฮูกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ในการให้สัมภาษณ์ไอเซนค็อตชี้ว่าการพูดคุยเรื่องชัยชนะเหนือกลุ่มฮามาสนั้นไม่สมจริง และระบุว่าควรมีการเลือกตั้งใหม่ภายในไม่กี่เดือนเพื่อฟื้นฟูความไว้วางใจของสาธารณชนต่อคณะรัฐมนตรีภายหลังเหตุโจมตีครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
ตามคำกล่าวของไอเซนค็อต “ใครก็ตามที่พูดถึงความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง [ของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา] และไม่มีเจตจำนงหรือความสามารถ [ในการทำร้ายอิสราเอล] อีกต่อไป เขาคนนั้นไม่ได้พูดความจริง”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อดีตเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของอิสราเอลหลายสิบคนส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีไอแซค เฮอร์ซ็อก และประธานสภาเนสเซต อามีร์ โอฮานา เพื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งและการถอดถอนเนทันยาฮู โดยอ้างถึงเขาว่าเป็นภัยคุกคาม “ที่มีอยู่” ต่ออิสราเอล
ดูเหมือนว่าความโกรธแค้นของสาธารณชนที่เพิ่มขึ้นต่อการขาดความเคลื่อนไหวของเนทันยาฮูในการนำตัวเชลยกลับบ้าน อาจนำไปสู่การถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง
เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้กระทั่งก่อนปฏิบัติการทางทหารในเดือนตุลาคมโดยกลุ่มฮามาส อันที่จริงเส้นทางการเมืองของเนทันยาฮูก็อยู่บนน้ำแข็งบางๆ เนื่องจากเขากำลังดิ้นรนกับการพิจารณาคดีทุจริตและการประท้วงครั้งใหญ่เกี่ยวกับแผนยกเครื่องระบบตุลาการของคณะรัฐมนตรี
ทว่าในขณะที่ระบอบการปกครองของเนทันยาฮูกำลังทำให้สงครามยืดเยื้อ พลเรือนจำนวนมากขึ้นในฉนวนกาซาก็ตกเป็นเหยื่อของความโหดร้ายของกองทัพอิสราเอล
การนิ่งเฉยของประชาคมระหว่างประเทศได้เพิ่มจำนวนการบาดเจ็บล้มตาย สหรัฐฯ ที่ทุ่มเต็มที่อยู่เบื้องหลังการทำสงครามร้ายแรงต่อฉนวนกาซาของอิสราเอล ได้ขัดขวางความพยายามในการยุติการโจมตีของรัฐบาล
วอชิงตันและพันธมิตรตะวันตกบางส่วนแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีศีลธรรมด้วยการสนับสนุนความโหดร้ายและความป่าเถื่อนของอิสราเอลต่อพลเรือนในฉนวนกาซา