
ความขัดแย้งภายในสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้นจากสถานการณ์ของผู้อพยพบริเวณชายแดนติดกับเม็กซิโก ติดตามข้อมูลโดยสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา
สวนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำรีโอแกรนด์ ในเมืองอีเกิลพาส รัฐเท็กซัส ได้กลายเป็นศูนย์กลางของความบาดหมางที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างเท็กซัสและหน่วยงานรัฐบาลกลางเกี่ยวกับวิธีจัดการกับวิกฤติผู้อพยพ
ทหารกองกำลังพิทักษ์ชาติภายใต้การดูแลของรัฐเท็กซัสกำลังเผชิญหน้ากับกองทหารของรัฐบาลกลางในการแย่งชิงอำนาจเหนือพื้นที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกที่มีผลกระทบต่อรัฐธรรมนูญอย่างลึกซึ้ง
นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปีที่ผู้ว่าการรัฐ ในกรณีนี้คือ “เกร็ก แอบบอตต์” แห่งเท็กซัส กำลังท้าทายอำนาจของรัฐบาลกลาง ไม่ใช่แค่คำพูด แต่รวมถึงการใช้กำลังโดยนัย
วิกฤตผู้อพยพในสหรัฐฯ ดำเนินมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่การตัดสินใจของผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ในการปิดกั้นตำรวจตระเวนชายแดนส่วนกลางมิให้เข้าถึงชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก และสั่งติดตั้งรั้วลวดหนาม ได้เพิ่มแรงผลักใหม่ให้กับความขัดแย้งนี้
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายใต้คำสั่งของนายแอ๊บบอตต์ กองกำลังพิทักษ์ชาติของรัฐเท็กซัสได้ปิดกั้นเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนของรัฐบาลกลางไม่ให้เข้าถึงบริเวณชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกซึ่งมีการข้ามแดนอย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าเพื่อให้กองกำลังของเขาสามารถรักษาความปลอดภัยชายแดนได้ดีขึ้นด้วยรั้วลวดหนาม สายไฟและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ
รัฐบาลกลางวอชิงตันไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของผู้ว่าการรัฐเท็กซัส และเมื่อวันที่ 22 มกราคม ศาลฎีกาสหรัฐก็ยืนยันในสิทธิของรัฐบาลกลางในการรื้อรั้วลวดหนาม และอนุญาตให้พวกเขาตัดสายไฟบริเวณชายแดน
แต่แอ็บบอตต์ตอบสนองในทางท้าทาย โดยกล่าวว่าเขาจะยังคงติดตั้งลวดหนามเพิ่มเติมต่อไป และกองกำลังพิทักษ์ชาติจากอย่างน้อย 10 รัฐก็ถูกส่งไปช่วยเขา
ขณะเดียวกัน ตามข้อมูลของ Politico ในวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม ผู้ว่าการพรรครีพับลิกัน 25 คนจากรัฐต่างๆ ได้ให้การสนับสนุนเท็กซัส โดยกล่าวว่าฝ่ายบริหารของไบเดน “ได้ละเลยความรับผิดชอบต่อรัฐต่างๆ ภายใต้ข้อตกลงรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเท็กซัสจึงมีเหตุผลทางกฎหมายทุกประการเพื่อปกป้อง อธิปไตยของรัฐและประเทศของเรา”
ในอีกทางหนึ่ง พรรคเดโมแครตได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกามีจุดยืนที่เข้มงวดมากขึ้นในประเด็นนี้ ทำเนียบขาวยังพยายามที่จะให้เกร็ก แอบบอตต์ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกรณีการติดตั้งอุปกรณ์กีดขวางและจับกุมผู้อพยพหลายพันคน
สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คืออดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้เข้าร่วมความขัดแย้งนี้ด้วย โดยเรียกร้องให้ส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติไปยังเท็กซัส เขาใช้ปัญหานี้ในความพยายามหาเสียงเพิ่มอันดับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีของตน
อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เรียกร้องให้รัฐต่างๆ ที่นำโดยพรรครีพับลิกันรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับปัญหาคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายตามแนวชายแดนทางใต้ ซึ่งเป็นประเด็นที่พรรครีพับลิกันกล่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่สามารถจัดการได้อย่างถูกต้อง
“เราขอสนับสนุนให้รัฐต่างๆ ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปยังเท็กซัสเพื่อป้องกันการเข้ามาของพวกผิดกฎหมาย และนำพวกเขากลับข้ามชายแดน” ทรัมป์กล่าว โดยอ้างถึง “การบุกรุก” ของผู้อพยพที่เข้ามาในสหรัฐฯ
หลังจากทรัมป์ร้องขอความช่วยเหลือ ผู้ว่าการรัฐของพรรครีพับลิกันจาก 25 รัฐ (ครึ่งหนึ่งจาก 50 รัฐ) ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเท็กซัส
เหตุใดวิกฤตผู้อพยพจึงเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา
กฎการเข้าเมืองในสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูป แต่ร่างกฎหมายที่จะควบคุมปัญหานี้ยังคงค้างอยู่ในสภาคองเกรส
พวกเขาไม่สามารถตกลงกันได้มาเกือบสองเดือนแล้ว สาเหตุหลักมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าร่างกฎหมายนี้ได้ “ขยายอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ” ตลอดจนการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องให้ยูเครนและอิสราเอล ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรครีพับลิกันยืนกราน
ความขัดแย้งที่ไม่ธรรมดาระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลประจำรัฐที่กำลังก่อตัวขึ้น ทำให้หลายคนพูดเกินจริงถึงความตึงเครียดราวกับสงครามกลางเมืองที่กำลังลุกลาม
โดยในระหว่างนี้ นักการเมืองจากพรรครีพับลิกันเริ่มชุมนุมรอบๆ นายแอ๊บบอต และมองว่าความขัดแย้งนั้นคล้ายกับสงครามกลางเมือง
“รัฐบาลกลางกำลังก่อสงครามกลางเมือง และเท็กซัสควรยืนหยัด” เคลย์ ฮิกกินส์ สมาชิกสภาคองเกรส GOP จากลุยเซียนา กล่าวหลังคำตัดสินของศาลฎีกา
ชิป รอย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ในรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเพิกเฉยต่อคำตัดสินของศาลฎีกาโดยสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้ อีเกิลพาส รัฐเท็กซัส จึงกลายเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งระหว่างรัฐเท็กซัสและหน่วยงานรัฐบาลกลาง ที่ไม่แน่ว่าอาจพัฒนาไปสู่สงครามกลางเมืองในสหรัฐก็เป็นได้!