จริงหรือไม่? ย้อนดู “เซี่ยงเส้าหลง” เปิดบันทึก “เด่น โต๊ะมีนา” ชำแหละ “วะฮาบีย์” ทำมุสลิมใต้ป่วน!

นายเด่น โต๊ะมีนา

หมายเหตุ บทความเรื่องนี้ เขียนโดย “เซี่ยงเส้าหลง” คอลัมนิสต์ชื่อดังแห่งนสพ.ผู้จัดการ เผยแพร่เมื่อ 10 เมษายน 2548 หรือเมื่อ 11 ปีที่แล้ว เกี่ยวกับมุมมองของนายเด่น โตีะมีนา ต่อสถานการณ์นั้นความขัดแย้งในหมู่มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้อันเนื่องมาจากกลุ่มวะฮาบี และในเวลานี้ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างนิกายที่ถูกจุดให้ระอุขึ้นโดยคนกลุ่มหนึ่ง ทางกองบก.เดอะพับลิกโพสต์ จึงนำข้อเขียนดังกล่าวนี้มาเผยแพร่อีกครั้ง เพื่อให้ผู้อ่านได้ลองพิจารณาว่า เรื่องที่เขียนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว  เป็นไปตามนั้นหรือไม่ (ขอบคุณ/ที่มา http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9480000049062)


 

•• ผู้อ่านบางท่าน e-mail เข้ามาหา “เซี่ยงเส้าหลง” บอกว่าที่เขียนไปว่าใน กอส. – คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ นั้นมีแต่ ซุนนีห์, วะฮาบีฮ์ ไม่มี ชีอะห์ ไม่ถูกต้องครบถ้วนเสียทั้งหมดเพราะตามจริงแล้วถ้าจะมองอีกมุมหนึ่งยังไม่มี ตัวแทนจุฬาราชมนตรีท่านปัจจุบัน มีแต่ ขั้วตรงข้าม ทั้งขั้วของ เด่น โต๊ะมีนา และขั้วของ ดร.อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา ที่ในวงในลึก ๆ รู้กันว่าตั้งความหวังไว้กับการขึ้นไปเป็น จุฬาราชมนตรีท่านใหม่ หรือมองจากอีกมุมหนึ่งนอกจากไม่มี ชีอะห์ แล้วยังไม่มี กลุ่มวะดะฮ์ ซึ่งหมายถึงว่าไม่มี เครือข่ายของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อย่าได้คิดว่าเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ไม่สำคัญเพราะในบรรดาสารพัดสาเหตุอันเป็นที่มาของ วิกฤตจังหวัดชายแดนภาคใต้ หนึ่งในจำนวนนั้นที่ ปรากฏชัดขึ้นทุกที คือ ความขัดแย้งระหว่างสำนักต่าง ๆ ในศาสนาอิสลามด้วยกัน ในประการนี้ถ้า กอส. ภายใต้การนำของ อานันท์ ปันยารชุน ถูกมองเสียตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะ ถูกครอบงำทางความคิด โดย วะฮาบีฮ์ การพิจารณาปัญหาก็ยากจะพบ สาเหตุที่ครบถ้วนรอบด้าน ได้

•• ความสัมพันธ์ 3 เส้า ซุนนีย์, ชีอะห์ และ วะฮะบีฮ์ รวมทั้ง ซาอุดีอาระเบีย, อิหร่าน และ สหรัฐอเมริกา เคยกล่าวไว้โดยสังเขปแล้ว ณ ที่นี้ตั้งแต่ วันที่ 6 เมษายน 2548 คงจะไม่ต้องทบทวน ณ ที่นี้

•• แต่ที่อยากจะกล่าวถึง วะฮะบีฮ์ อีกครั้ง ณ ที่นี้ก็เพราะระลึกขึ้นมาได้ว่าใน จดหมายเปิดผนึก 30 หน้า ของ เด่น โต๊ะมีนา ที่ยื่นเสนอโดยตรงต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เมื่อ วันที่ 10 มิถุนายน 2546 (เป็นเวลา 7 เดือนก่อนเกิดปฏิบัติการ ปล้นปืน ที่ เจาะไอร้อง) ก็ได้มีการเอ่ยถึงร่องรอยบางประการที่เกี่ยวกับ วะฮาบีฮ์ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าการเผยแพร่ ศาสนาอิสลามบริสุทธิ์ดั้งเดิม ตามแนวของ มูฮัมหมัด บิน อับดุลวาฮับ ได้สร้าง ความขัดแย้ง 2 ด้าน ด้านหนึ่งคำสอนบางประการ ขัดกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่เจือปนด้วย วัฒนธรรมฮินดู อีกด้านหนึ่งเป็นปัญหาด้าน เงินช่วยเหลือจากตะวันออกกลางจำนวนมาก ที่ส่งตรงเข้ามายัง อดีตนักเรียนทุนตะวันออกกลาง ชนิดไม่ผ่าน คณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด ก่อให้เกิดเป็น 2 ขั้วคู่ขนาน ชนิดที่ เด่น โต๊ะมีนา กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “…ทำให้ประชาชนแตกแยกเป็น 2 พวก.” ในจดหมายบอกเล่าว่าเป็นเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ขอยกบางข้อความในหน้า 23 – 24 มาแสดงไว้ ณ ที่นี้โดยใช้ ตัวสะกดภาษาไทย ตามเอกสารต้นฉบับ…..

.…กระผมขอถือโอกาสชี้แจงเกี่ยวกับวาฮาบีเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร
       
       ….ศาสนาอิสลามหลังยุคของท่านศาสดามูฮัมหมัดแล้ว ได้แตกเป็น 2 นิกาย คือ สุหนี่ (ซุนนะฮ์) และชีอะห์ ซึ่งศาสนาอื่น ๆ ก็แตกเป็นหลายนิกายเช้นเดียวกัน
       
       ….วาฮาบีไม่ใช่นิกาย แต่เป็นคำสอนของนักปราชญ์ทางศาสนาอิสลามท่านหนึ่งมีชื่อว่า มูฮัมหมัด บินอับดุลวาฮาบ เกิดขึ้นในปลายศตวรรษที่ 18 ในดินแดนคาบสมุทรอาราเบีย เป็นยุคที่อารยธรรมอิสลามกำลังเสื่อมโทรม ท่านจึงยินหยัดในมุสลิมหันกลับไปสู่คำสอนของศาสนาอิสลามตามพระมหาคุมภีร์อัล กุรอาน และหลักปฏิบัติของท่านศาสดามูฮัมหมัดอย่างแท้จริง คัดค้านพิธีกรรมต่าง ๆ ที่มิได้กำหนดไว้ในอัลกุรอานและอัลฮะดิษ ทำให้กระทบกระเทือนกับผู้ปกครองท้องถิ่นที่ได้ปฏิบัติในสิ่งที่เกินเลยไป กว่าคำสอนอันบริสุทธิ์ดั้งเดิมของศาสนาอิสลาม จึงอาศัยอยู่ในถิ่นเดิมของตัวเองไม่ได้ ต้องเร่ร่อนไปอีกเมืองหนึ่ง จึงได้รับการต้อนรับจากอิบนีสะอู๊ด ซึ่งต่อมาได้ยึดครองนครเมกกะ (มักกะฮ์) ได้จากตุรกีด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ ได้สถาปนาเป็นกษัตริย์สะอู๊ด และกลายเป็นประเทศซาอุดีอารเบียจนถึงปัจจุบัน
       
       ….เมื่อซาอุดีอารเบียเป็นประเทศร่ำรวยด้วยทรัพยากรน้ำมัน จึงเริ่มตั้งมหาวิทยาลัยทางศาสนา และให้ทุนการศึก ษาแก่นักศึกษาทั่วโลก ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงระดับปริญญาเอก
       
       ….ในจำนวนนักศึกษาที่ได้รับทุนดังกล่าวก็มีนักศึกษาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จบปริญญาเอกจากซาอุดีอารเบียหลายคน
       
       ….นักศึกษาที่จบ โดยเฉพาะปริญญาเอกจากซาอุดีอารเบีย ในแต่ละประเทศ ก็นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาไปเผยแพร่ในประเทศของตน พร้อมกับเงินทุนเพื่อเผยแพร่ตามหลักการของวาฮาบี เพื่อให้มุสลิมทุกคนในโลกนี้ได้ปฏิบัติตามคำสอนของอัลกุรอานและฮาดิษอย่าง แท้จริง
       
       ….ในจำนวนนักศึกษาที่กลับประเทศของตนที่ได้ทั้งความรู้และเงินทุนเผยแพร่ ก็มีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมอยู่ด้วย
       
       ….เมื่อมีบุคคลที่นำคำสอนตามแนววาฮาบีไปเผยแพร่ใน 3 จังหวัด ก็เกิดความขัดแย้งกับโต๊ะครูปอเนาะต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นเดียวกับมูฮัมหมัด บินอับดุลวาฮาบเริ่มสอนครั้งแรกในดินแดนคาบสมุทรอารเบียจนอยู่ในถิ่นเดิมไม่ ได้
       
       ….เมืองปัตตานีเดิมนับถือศาสนาฮินดู ประเพณีบางอย่างที่ตกทอดมาถึงวันนี้ก็ยังมีปฏิบัติกันอยู่ แต่ส่วนใหญ่ได้ยกเลิกไปแล้ว
       
       ….ฉะนั้น เมื่อมีผู้นำคำสอนที่เพียว ๆ และห้ามมิให้กระทำสิ่งที่เคยกระทำ เช่น การจัดงานเมาลิด เป็นต้น ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น
       
       ….องค์กรเผยแพร่แนววาฮาบีที่ซาอุดีอารเบียมีทุนมหาศาล จึงได้ให้เงินและให้ทุนแก่นักเรียนเก่าของเขา ให้ทุกคนปฏิบัติตามแนววาฮาบี
       
       ….ผู้นำแนววาฮาบีไปปฏิบัติจะต้องแสดงศักยภาพของตนให้องค์กรที่ซาอุ ดีฯเห็นถึงความสามารถของเขาว่ามีประชาชนคล้อยตามมากขึ้นทุกวัน จำเป็นที่จะต้องให้มีประชาชนมาเรียนมาก จะต้องใช้เงินนำพาคนไปฟังคำสอนในระยะแรก เมื่อมีคนติดคำสอนแล้ว คนก็ไปกันเอง เกือบทุกหมู่บ้านตำบลจะมีประชาชนส่วนหนึ่งในหมู่บ้านหรือตำบลเช่ารถไปเรียน ทุกสัปดาห์
       
       ….เฉพาะในจังหวัดปัตตานี มีสถานที่สอนศาสนาประจำสัปดาห์ 2 แห่ง แห่งหนึ่งอยู่ในอำเภอยะรัง ซึ่งมีการสอนแนวใหม่ อีกแห่งหนึ่งที่มัสยิดกลางปัตตานี มีการสอนแนวเดิม แต่ละแห่งจะมีประชาชนไปฟังการสอนเป็นพัน ๆ คนทุกสัปดาห์
       
       ….เมื่อในแต่ละหมู่บ้านมีคนไปเรียนกับการสอนแนวใหม่บางส่วน กลับมาในหมู่บ้าน แล้วมีความรู้สึกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านของตนปฏิบัติตามหลักศาสนาไม่ ตรงตามที่พวกเขาไปเรียนมา ก็เลยไม่ยอมปฏิบัติตามคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน จนกระทั่งไม่ยอมไปละหมาดทุกวันศุกร์ในมัสยิดประจำหมู่บ้านที่มีอยู่เดิม จึงแยกไปทำอีกต่างหาก
       
       ….เมื่อแยกตัวไปแล้วก็ไปขอเงินจากผู้สอนแนวใหม่เพื่อก่อสร้าง มัสยิดใหม่ ผู้สอนแนวใหม่ก็ขอเงินจากองค์กรเผยแพร่มาให้สร้างมัสยิดแต่ละแห่ง แต่ละหมู่บ้าน เป็นแสน ๆ บาทขึ้นใหม่ ในหลายหมู่บ้านกลายเป็นหมู่บ้านที่มีมัสยิด 2 แห่ง
       
       ….คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแต่ละจังหวัดทำอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างเดียว ไม่รับจดทะเบียนให้เท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้ไม่แคร์เลย
       
       ….เหตุการณ์อย่างนี้เกิดมาหลายปีแล้ว
       
       ….กระผมเองเคยไปประเทศคูเวต และได้รับเชิญไปเยี่ยมองค์กรเผยแพร่ศาสนาองค์กรหนึ่งในคูเวต เขาได้ชี้ให้ดูรูปมัสยิดต่าง ๆ ในจังหวัดปัตตานีมากกว่า 10 แห่งที่เขาให้ทุนในการก่อสร้าง เขาบอกด้วยความภาคภูมิใจที่เขาได้ช่วยคนปัตตานีในด้านศาสนสถาน
       
       ….กระผมก็ชี้แจงเขาว่า วันนี้ผมได้พบแล้วแหล่งที่ทำให้คนมุสลิมแตกแยกในจังหวัดปัตตานี บอกเขาว่าที่คุณให้ทุนสร้างมัสยิดทั้งหมดนี้ เป็นการสร้างมัสยิดใหม่ที่ซ้อนกับมัสยิดที่มีอยู่แล้ว ทำให้ประชาชนแตกแยกเป็น 2 พวก ทำไมคุณไม่มอบทุนเหล่านี้ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรอิสลามที่ดูแลเรื่องมัสยิด
       
       ….เขาตอบว่าเขาไม่รู้ เพราะผู้ขอได้ขอผ่านองค์กรเผยแพร่ศาสนาในซาอุดีฯ องค์กรในซาอุดีฯจึงแบ่งมาให้ช่วยทำการกุศล
       
       ….ฯลฯ….ฯลฯ……

       •• นอกจากปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่พูดกันมากว่าเป็น ขนมรวมมิตร แล้วเราไม่อาจพิจารณาปัญหาวิกฤตด้ามขวานทองได้ ทะลุปรุโปร่ง หากปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจเรื่อง วะฮาบีฮ์ และ แนวทางใหม่ในการสอนศาสนา ด้วย