“They are frustrated. They thought their leaders in the MILF and Moro National Liberation Front have abandoned their struggle. The failure in the passage of the Bangsamoro Basic Law is also a source of frustration,” – Mohagher Iqbal, MILF chief negotiator (January 2016)
จากข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า กลุ่ม Moro Islamic Liberation Front หรือ MILF ในฟิลิปปินส์ประกาศตั้งกองกำลังเฉพาะกิจต่อต้านการระดมสมาชิกสร้างรัฐอิสลามในมินดาเนาตอนกลางและบริเวณรอบๆ (โปรดดู http://newsinfo.inquirer.net/759176/milf-forms-task-force-to-fight-off-recruitment-for-isis) ข่าวนี้นับเป็นอีกหนึ่งข้อมูลเชิงประจักษ์อันสำคัญที่แสดงให้เห็นภาพของพลวัตการก่อการร้ายและอิทธิพลของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างชัดเจนมากขึ้นว่า บรรดาเซลล์ก่อการร้ายหลักๆ ในภูมิภาคนั้นมีเป้าหมายและรากเหง้าสาเหตุที่จับอาวุธวางอยู่บน ‘ประเด็นระดับท้องถิ่น’ มากกว่า และ ‘องค์กร’ เหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วเลือกที่จะร่วมหรือไม่ร่วมกับ ‘แบรนด์ระดับโลก’ จากข้อคำนึงเชิงยุทธศาสตร์อย่างมีความสมเหตุสมผลในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน การพิจารณาประเด็นเหล่านี้ก็ให้บทสะท้อนกลับมาสู่การพิจารณาสถานการณ์ในชายแดนใต้ของไทยได้พอสมควร
กลุ่ม MILF (แม้ในชื่อของพวกเขาจะมี “I” = Islam) และรวมย้อนไปถึง MNLF ต่างก็วางอุดมการณ์และเป้าหมายของพวกเขาอยู่บนจินตนาการ “บังซา” โมโร ซึ่งแม้ว่าอัตลักษณ์ความเป็นอิสลามจะถือกันคร่าวๆ ว่าคือส่วนหนึ่งในนั้น แต่หลายๆ ครั้ง พวกเขาก็จะไฮไลท์ถึงคนโมโรที่อยู่บนผืนดินแดนแถบนี้มาตั้งแต่ยุค “ก่อนการเข้ามาของอิสลาม” รวมถึงย้อนระลึกถึงประวัติศาสตร์ในภาพใหญ่ของฟิลิปปินส์ช่วงระบอบ “Rajah” พีคๆ โดยไฮไลท์เรื่องการ convert ไปสู่อิสลาม เท่าๆ กับไฮไลท์เรื่องความเป็น “Indigenous” ruler
รากของการเคลื่อนไหวแยกดินแดนในมินดาเนาช่วงที่ผ่านมา ชาตินิยมและศาสนาเป็นเพียงผิวหน้าของสาเหตุที่เราเห็น แต่ของที่เป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนอย่างทรงพลังอยู่ข้างใต้นั้น คือ ความไม่เป็นธรรม สิทธิในการจัดการพื้นที่ตนเองซึ่งแม้จะแตะไปในหลายประเด็น แต่ก็ขมวดปมสำคัญอยู่ที่ประเด็นการจัดการทรัพยากร-อำนาจทุน-ภาพของการ”ล่าอาณานิคมภายใน”ของฟิลิปปินส์
หลังผ่านการพูดคุยสันติภาพอย่างอดทนและต่อเนื่องมายาวนาน ปัจจุบัน MILF รวมถึง MNLF อยู่ในตำแหน่งสถานะที่เข้าถึงการต่อรองและออกแบบระเบียบ/กรอบโครงอำนาจในพื้นที่ท้องถิ่น โดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ให้กัารรับรอง พวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายขัดขืนต่อระเบียบ (ชุดเดิม) เหมือนแต่ก่อน จึงไม่ประสงค์การเคลื่อนไหวของกลุ่มเซลล์ใดท้าทายต่ออำนาจนำที่พวกเขามีส่วนร่วมดีล แม้จะมีสมาชิกบางส่วนที่แตกตัวออกไปในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากไม่พอใจเนื้อหาของ Bangsamoro Basic Law, จุดยืนของผู้นำ MILF ในการต่อสู้ และเหตุผลอื่นๆ ซึ่งพื้นที่ทางการเมืองที่ได้มาและประเด็นที่ผู้เล่นเข้าไปเซ็ตกันอยู่ในนั้น ยังไม่เห็นแววจะตอบโจทย์ปัญหา/เป้าหมายทางการเมืองของพวกเขา เช่นกลุ่ม BIFF หรือกลุ่มอัล-อันซอรฺ คาลิฟะฮฺ
แต่กระแสอิทธิพลของไอเอสเป็นที่หวาดกลัวมากว่ากลุ่มเซลล์ย่อยแตกตัวเหล่านั้นจะมีศักยภาพสูงขึ้น ทั้งจากความเป็นไปได้ของการสนับสนุนอาวุธ ผู้เชี่ยวชาญ เงินทุน และทรัพยากรอื่นจากไอเอสที่ซีเรียตามยุทธศาสตร์ที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า กำลังถ่ายเทการรบไปสู่สมรภูมิภายนอกพื้นที่ที่ตีบตัน และทั้งจากความเป็นไปได้ที่กลุ่มเซลล์เหล่านี้จะสามารถ recruit เยาวชนรุ่นใหม่ที่ “Frustrate” (อิคบาลแห่ง MILF เป็นคนใช้คำนี้) เข้าร่วมขบวนได้มากขึ้นจากอิทธิพลความคิดของไอเอส จนอาจมีศักยภาพมากพอต่อการท้าทายและทำลายเป้าหมายการเมืองของทั้งรัฐบาลฟิลิปปินส์และ MILF
ถ้าเราศึกษาและถอดบทเรียนจากกรณีนี้ ก็จะเห็นข้อควรทำและไม่ควรทำบางประการต่อกลุ่มขบวนการต่อสู้ ตลอดจน ต่อพื้นที่ทางการเมืองในปาตานี บนคำถามพื้นฐานว่า
..
Pushing or Pulling ?
——
ผู้อำนวยการโครงการวิทยาลัยการเมือง สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช