นายกฯลุงตู่จะรู้หรือไม่ว่า ผู้คนหลายชาติต่างพากันประหลาดใจและขบขันกับเหตุการณ์ที่ว่าด้วยการถอดถอนอดีตนายกฯในเมืองไทย เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก
สภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช.ได้ประชุมถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้ถูกถอดถอนด้วยเรื่องการย้ายข้าราชการเพียงคนเดียว และถูกรัฐประหารยกเลิกรัฐธรรมนูญไปแล้ว
เวลาผ่านไปเกือบปี แต่เพิ่งจะมาถอดถอนออกจากตำแหน่งด้วยเรื่องข้าวที่ยังไม่มีจำเลยจริงๆแม้แต่คนเดียว (ไม่รวมเรื่องที่รีบแจ้งข้อหากับรมว.และข้าราชการบางคนก่อนหน้าจะถอดถอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง)
และคนเกือบทั้งโลกก็ยังรู้ต่อไปว่า การถอดถอนจากตำแหน่งซึ่งไม่มีมาตั้งนานแล้ว ก็เพื่อที่จะเว้นวรรคการเมืองคุณยิ่งลักษณ์ไป 5 ปีเท่านั้นเอง และเมื่อคิดต่อไปว่า คนที่มาร่วมรุมสกรัมถอดถอนนั้นเป็นฝ่ายตรงข้ามคุณยิ่งลักษณ์ ได้รับแต่งตั้งมาถอดถอนคนที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน ผู้คนก็จะยิ่งขำในความดัดจริต เสแสร้งของคนไทยมากขึ้นไปอีก
ผมจึงอดเห็นใจนายกฯลุงตู่ไม่ได้ เพราะเหตุการณ์วันถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์และเว้นวรรคการเมือง 5 ปีนั้น เรื่องอัปมงคลก็พากันแห่เข้าหานายกฯลุงตู่กันแบบเต็มๆ
โดยเฉพาะเรื่องเล็กๆกระจิบกระจ้อย ก็ยังมีนัยยะทางการเมืองใหญ่โตสะเทือนไปทั้งประเทศ และเป็นเรื่องกระจิบกระจ้อยที่ส่งผลให้นายกฯลุงตู่และคณะเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม
อย่างกรณีที่สนช.ครูหยุยแกไปร่วมแห่แย่งกันเซลฟี่หน้ากระดานโหวตที่ได้รับชัยชนะในการรุมสังหารผู้หญิงคนเดียวอย่างคุณยิ่งลักษณ์ได้สำเร็จ แล้วทำท่าเอานิ้วปาดคอ พร้อมสีหน้ายิ้มรื่นเริงด้วยความสะอกสะใจ
พระมหาไพรวัลย์ พูดเปรียบเทียบการกระทำของครูหยุยไว้ว่า “เห็นรูปผู้ใหญ่ทำท่าเชือดคอกลางสภาแล้ว ทำให้นึกถึงรูปเด็กหัวเราะข้างต้นมะขาม” ภาพนั้นคือการจับนักศึกษาธรรมศาสตร์แขวนคอตายกับต้นมะขามกลางสนามหลวงแล้วตีด้วยเก้าอี้เหล็ก เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519
สนช.ครูหยุยเป็นครูขวัญใจของเด็กด้อยโอกาสมายาวนาน แต่หลังจากถูกลากตั้งมาเป็นสว.และเป็นสนช.บ่อยเข้า แกก็เลยกลายเป็นขวัญใจของสว.ด้อยโอกาสจากการเลือกตั้งของประชาชนไป
แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับท่าทางดีใจสุดขีดของประธานและรองประธานสนช.หลังได้เสียง 190:18 ท่านผู้ทรงเกียรติทั้งสาม จึงทำท่าเหมือนฟุตบอลฝ่ายตนเองได้รับชัยชนะ
คำพูดที่พร่ำรำพันกันว่า เป็นการลงมติเอกฉันท์ ยุติธรรม ปราศจากใบสั่ง และการตัดสินลงมติครั้งนี้ถือเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยต่อไปนั้นเป็นอันจบกัน เป็นเรื่องน่าอับอายมากกว่า
ถึงแม้นายกฯลุงตู่จะพยายามบอกว่า สนช.เหล่านี้ท่านไม่ได้เป็นคนเลือกมาเพื่อไล่ล่าใคร แต่ก็ไม่ยักมีใครเชื่อ ถึงแม้ผมจะเชื่อท่านก็ตาม
บางคนพยายามบอกว่า คะแนนถอดถอนมากมายท่วมท้นขนาดนี้เป็นเพราะคุณยิ่งลักษณ์ไม่ยอมไปตอบข้อซักถามต่อสภา
แต่เป็นผมๆก็ไม่ไปหรอกครับ เพราะนั่นเท่ากับผมยอมถูกจับมัดส่งไปให้ฝูงหมาป่าไฮยีน่ารุมกัดจนเหวอะหวะ เพื่อจะมาโดนฝูงที่ใหญ่กว่ารุมกัดซ้ำอีก 190 เขี้ยวในอีก2-3วันต่อมา ซึ่งก็มีผลเท่ากัน คือตายอยู่ดี แต่ตายเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่ตายสองครั้ง(ฮา)
ผมว่า สิ่งที่คณะทหารเขาระวังอยู่ก็คือ การเป็นวีระสตรีโลกประชาธิปไตยของคุณยิ่งลักษณ์ ยิ่งมาโดนไฮยีน่ารุมกัดจากทั่วสารทิศพันแปดร้อยข้อหาคมเขี้ยว ก็จะยิ่งขับความยิ่งใหญ่สูงเด่นมากขึ้นในสายตาชาวโลก กระทั่งพี่ชายก็ยังเทียบรัศมีไม่ติด.