แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ “ไม่ทราบหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง” กับเหตุสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสซึ่งส่งผลให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้นแล้ว
ในการให้สัมภาษณ์กับ แชนแนลนิวส์เอเชีย (CNA: Channel News Asia) เมื่อวันพุธ บลิงเคนกล่าวว่าเขาไม่ต้องการคาดเดาถึงผลกระทบที่การสังหารฮะนียะห์ในกรุงเตหะราน “นี่เป็นสิ่งที่เราไม่ทราบและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย” นักการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าว “มันยากมากที่จะคาดเดา และผมได้เรียนรู้มาหลายปีแล้วว่าไม่ควรคาดเดาถึงผลกระทบที่เหตุการณ์หนึ่งอาจมีต่อสิ่งอื่น ดังนั้นผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร”
การสังหารฮานิเยห์ในช่วงเช้าตรู่ของวันพุธที่เตหะราน ขณะเขาได้เข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของมาซูด เปเซชกียอน ประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน ได้ถูกผู้นำทั่วทั้งภูมิภาคประณาม และทำให้เกิดความกังวลว่าจะยกระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองปาเลสไตน์ที่ปกครองฉนวนกาซา กล่าวโทษอิสราเอลว่าเป็นผู้โจมตีผู้นำทางการเมืองของตนโดยกล่าวว่า ฮานิเยห์ถูกสังหารใน “การโจมตีของกลุ่มไซออนิสต์ที่ทรยศ”
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอียังได้สัญญาที่จะ “ลงโทษอย่างรุนแรง” ต่ออิสราเอลเพื่อตอบโต้การลอบสังหารครั้งนี้ และกล่าวว่าเป็นหน้าที่ของเตหะรานที่จะต้องล้างแค้นให้ฮานีเยห์
ในการรายงานจากกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอนเมื่อวันพุธ ซีนา คอดร์ ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรา กล่าวว่า การตอบสนองล่าสุดต่อการสังหารฮานีเยห์ บ่งชี้ว่าอาจมี “การตอบโต้แบบประสานงาน” จากอิหร่านและพันธมิตรในภูมิภาค
“ในอิหร่าน พวกเขากำลังชักธงสีแดง ซึ่งเป็นธงแห่งการแก้แค้น ดังนั้นจึงมีความโกรธแค้นมากมาย” เธอกล่าว
อิสราเอลยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านี้ได้ให้คำมั่นว่าจะสังหารฮานิเยห์และผู้นำฮามาสคนอื่นๆ หลังจากการโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 1,139 ราย และจุดชนวนให้เกิดสงครามในฉนวนกาซา
อิสราเอลยังก่อเหตุทิ้งระเบิดในกรุงเบรุตเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ฮานีเยห์จะถูกสังหาร โดยระบุว่ามุ่งเป้าหมายไปยัง ฟูอัด ชุกร์ ผู้บัญชาการกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย รวมถึงเด็ก 2 ราย และบาดเจ็บอีก 74 ราย
คณะผู้แทนอิหร่านประจำองค์การสหประชาชาติระบุในจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า ในฐานะ “พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์” ของอิสราเอล ความรับผิดชอบของสหรัฐฯ ในการสังหารครั้งนี้ “ไม่สามารถมองข้ามได้”
“การกระทำนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับอนุมัติและการสนับสนุนด้านข่าวกรองจากสหรัฐฯ” คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะจัดการประชุมฉุกเฉินในวันพุธนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค
การเจรจาหยุดยิง
ฮานิเยห์ วัย 62 ปี มีส่วนร่วมในการเจรจาเพื่อพยายามบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา
นายกรัฐมนตรีกาตาร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลและฮามาส ตั้งคำถามถึงโอกาสที่การเจรจาจะประสบความสำเร็จภายหลังการลอบสังหาร
“การไกล่เกลี่ยจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร เมื่อฝ่ายหนึ่งสังหารผู้เจรจาอีกฝ่ายหนึ่ง” ชีคโมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน บิน จัสซิม อัล ษานี โพสต์บนโซเชียลมีเดีย
ในการสัมภาษณ์กับแชนแนลนิวส์เอเชียเมื่อวันพุธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า “ความจำเป็นในการหยุดยิง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน ยังคงดำรงอยู่”
“เราจะทำงานในเรื่องนี้ต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย” บลิงเคนกล่าว
“การช่วยยุติความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง รวมถึงการพาผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน [ที่ถูกควบคุมในฉนวนกาซา] กลับบ้าน รวมถึงชาวอเมริกันหลายคนด้วย สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการหวังว่าจะทำให้ทุกอย่างอยู่ในเส้นทางที่ดีกว่าเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนมากขึ้นและความมั่นคงที่ยั่งยืนมากขึ้น”
รัฐบาลสหรัฐฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากการให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่ลดละ รวมถึงความช่วยเหลือทางทหารและอุปกรณ์ต่างๆ รหว่างสงครามในฉนวนกาซา นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ยุติการส่งอาวุธให้กับอิสราเอล เในขณะที่ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป
เนื่องด้วยอนาคตของการเจรจาสงบศึกระหว่างฮามาสกับอิสราเอลยังไม่ชัดเจน คาดว่าจะมีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันพุธ โรซิแลนด์ จอร์แดน นักข่าวอัลจาซีรา รายงานจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
เธออธิบายว่าไม่มีการกำหนดให้มีการลงมติใดๆ และการประชุมครั้งนี้ซึ่งอิหร่านร้องขอนั้น มีไว้ให้เป็นเพียงเวทีเพื่อให้ได้ความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
“แท้จริงแล้ว บทบาทของคณะมนตรีความมั่นคงในขณะนี้ก็คือการปล่อยให้ประเทศต่างๆ เผยแพร่แถลงการณ์ของตนเพื่อให้ชุมชนโลกทั้งหมดได้เห็น” จอร์แดนกล่าว “เพื่อระบายความรู้สึกและพยายามช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ พยายามที่จะตกลงกันเอง พยายามช่วยทำข้อตกลงที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง”
